FETCO ชี้ ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน เดือนมิ.ย. ซบเซา การเมืองในประเทศกระทบตลาดหุ้น

08 กรกฎาคม 2568, 12:48น.


          สภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ FETCO  รายงาน ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน(FETCO Investor Confidence Index:ICI) ผลสำรวจในเดือนมิ.ย.68 (ระหว่างวันที่ 20-30 มิ.ย.68) พบว่า ดัชนีใน 3 เดือนข้างหน้าปรับกลับสู่เกณฑ์ "ซบเซา" ที่ระดับ 58.45นักลงทุนมองว่าการคงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมา คือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และความชัดเจนของสถานการณ์การเมืองในประเทศ ส่วนปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ รองลงมาคือสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และการไหลออกของเงินทุน



- ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ในเกณฑ์ "ชบเซา" (ช่วงค่าดัชนี 40-79) ที่ระดับ 58.45



- ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ "ชบเซา" ในขณะที่ กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ อยู่ในเกณฑ์ "ซบเซาอย่างมาก"



- หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดธนาคาร (BANK)



- หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดยานยนต์ (AUTO)



- ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การคงอัตราดอกเบี้ยของ FED



- ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์การเมืองในประเทศ



          ผลสำรวจรายกลุ่มนักลงทุนพบว่าความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล ปรับลดลง 14.2% อยู่ที่ระดับ 50.70 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลด 61.9% อยู่ที่ระดับ 28.57 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับลด 42.1% อยู่ที่ระดับ 63.64 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับลด 55.6% อยู่ที่ระดับ 66.67



          นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ FETCO กล่าวว่า ตลาดทุนไทยเผชิญความผันผวนอย่างหนักจากทั้งประเด็นความขัดแย้งระหว่างประเทศอิหร่านและอิสราเอล ความขัดแย้งชายแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศซึ่งส่งผลต่อความกังวลของนักลงทุนต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ในขณะที่ผลการประชุมเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25-4.50% และ กนง. มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.75% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้



SET Index ณ สิ้นเดือน มิ.ย.68 ปิดที่ 1,089.56 ปรับตัวลดลง 5.19% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 39,663 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 7,941 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นปี 68 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 78,690 ล้านบาท



ปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ ผลการเจรจาข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันและอาจขยายวงผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก



ส่วนปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ ความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐ เสถียรภาพของรัฐบาลที่เปราะบางหลังศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณาและมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่ 1 ก.ค.68 ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญ และส่งผลกระทบต่อการวางแผนระยะยาวในการลงทุนของภาคเอกชน รวมถึงแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปีจากการส่งออกสินค้าที่ลดลงและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ



#ตลาดทุนไทย



 

ข่าวทั้งหมด

X