กรณีสำนักข่าว The Telegraph ประเทศอังกฤษ เสนอข่าวว่ามีชาวต่างชาติ ชื่อ “เบลลา เมย์ คัลลีย์” ผู้ต้องหา คดีลักลอบขนยาเสพติด กล่าวอ้างกับศาลทบิลิซี ประเทศจอร์เจีย ว่า ถูกบังคับให้ขนยาเสพติดจากประเทศไทยผ่าน ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไปยังประเทศจอร์เจีย ขณะที่ตัวเองได้พยายามแจ้งเจ้าหน้าที่ ตม.ขาออก ประเทศไทย เกี่ยวกับหนังสือเดินทางของตน แต่ไม่ได้รับความสนใจ
ขณะที่เพจ “ตามติดชีวิตแม่บ้านแขก” นำภาพข่าวดังกล่าวโพสต์เป็นภาษาไทยทำนองว่า ” ผู้ต้องหารายดังกล่าวอ้างว่า เจ้าหน้าที่ ตม.ขาออกไม่สนใจ และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับให้ตนขนยาเสพติดออกนอกประเทศ” โดยมีข้อความกล่าวหา การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ว่าทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ
พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 กล่าวได้สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า ผู้ต้องหาเป็นชาวสัญชาติอังกฤษ เดินทางออกไปเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2568 เวลา 07.00 น. ด้วยสายการบิน Air Arabia เที่ยวบิน G9822 จากสุวรรณภูมิ ปลายทางเมืองชาร์จาห์ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เวลาเครื่องออก 08.55 น.
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในขณะที่ผู้ต้องหาเดินผ่านช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (ABC) นั้น ปรากฏว่าผู้ต้องหาเดินผ่านช่องตรวจฯ ไปโดยปกติ โดยไม่ได้มีการขอความช่วยเหลือใดๆ จากเจ้าหน้าที่ และไม่ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ ตม.หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจคนใดบังคับ หรือข่มขู่ผู้ต้องหาให้ขนยาเสพติดออกนอกประเทศแต่อย่างใด เชื่อว่าข้อมูลดังกล่าว เป็นเพียงการกล่าวอ้างของผู้ต้องหา เพื่อบรรเทาโทษเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม บก.ตม.2 จะดำเนินการจัดทำบันทึกลงระบบ ตม. ว่า ผู้ต้องหาดังกล่าวเข้าข่ายเป็นบุคคลต้องห้าม เนื่องจากมีพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเข้ามาเพื่อการค้ายาเสพติดให้โทษ ตาม ม.12(8) พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ต่อไป
ยืนยันว่า ตม.สนามบิน ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการสกัดกั้นคนเดินทางที่กระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ ทั้งขาเข้า และขาออก ระหว่างประเทศ ตามนโยบาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร และ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม ซึ่งที่ผ่านมามีการประสานงานร่วมกับหน่วยงานรับผิดชอบตลอด ทั้งศุลกากร และ ป.ป.ส. โดยในส่วนขาออก มีการสนับสนุนการจับกุมยาเสพติดร่วมกับศุลกากรขาออกนับ 10 ราย ตั้งแต่ต้นปีมา
#ขนยาจากไทย
#จอร์เจีย