ดร. พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสํานักงานคณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน (สํานักงาน กกพ.),โฆษกคณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ.ได้พิจารณาสถานการณ์การจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด เนื่องจากได้ส่งผลกระทบทําให้ราคาน้ํามันและ LNG ในตลาดโลกเกิดความผันผวนเพิ่มสูงขึ้น
ปัจจุบันประเทศไทยมีการจัดหา LNG ทั้งในรูปแบบสัญญาแบบระยะยาว (Term) และ สัญญาแบบรายเที่ยวเรือ (Spot) รวมประมาณ 12 ล้านตันต่อปี โดยในส่วนของสัญญา Term นั้น มีการจัดหาสัญญาระยะยาวจากประเทศกาตาร์ ปริมาณ 2 ล้านตันต่อปี ซึ่งเมื่อพิจารณาในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 จะต้องมีการส่งมอบ LNG จากประเทศกาตาร์ รวมทั้งสิ้น 11 ลําเรือ ซึ่งต้องแล่นผ่านช่องแคบฮอร์มุซ โดยช่องแคบฮอร์มุซ
ในด้านราคา Spot LNG มีความผันผวนสูง โดยปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจาก 13.444 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู ($/MMBTU) ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2568 เป็น 14.815 $/MMBTU ในวันที่ 23 มิถุนายน 2568หรือเพิ่มขึ้นราว 10% และมีการปรับลดลงในวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ลงมาอยู่ที่13.211 $/MMBTU หรือลดลงราว 10.8% ภายในหนึ่งวัน หลังจากที่มีรายงานเกี่ยวกับการยุติความขัดแย้งชั่วคราวในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ขณะนี้ สํานักงาน กกพ. ได้มีการติดตามสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลางและการส่งมอบLNG ของ Shipper ทุกรายอย่างใกล้ชิด โดย กกพ. ได้ให้ รายงานข้อมูลสถานการณ์ส่งมอบ LNG รวมถึงแผนการส่งมอบ LNG โดยเฉพาะ ที่มาจากประเทศกาตาร์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สรุปได้ว่า Shipper ทุกรายมีการติดตามสถานการณ์ร่วมกับผู้ขายอย่างใกล้ชิด และในปัจจุบันยังไม่มีผลกระทบต่อการส่งมอบ LNG แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม กกพ. ได้มีการหารือแนวทางรองรับกรณีที่มีการปิดช่องแคบฮอร์มุซและไม่สามารถรับ LNG จากประเทศกาตาร์ไว้ดังนี้
1.เพิ่มการจัดหาก๊าซธรรมขาติทางท่อจากอ่าวไทย รวมถึงแหล่ง JDA และเมียนมา โดยเพิ่มการเรียกรับก๊าซ การบริหารจัดการปริมาณก๊าซส่วนเพิ่มตามความยืดหยุ่นของสัญญา (Swing Gas) ให้เต็มศักยภาพ
2.จัดหา Spot LNGส่วนเพิ่มจาก Supplier โดยขอให้ Shipper ทุกรายเตรียมความพร้อมในการรองรับเหตุฉุกเฉิน
3.ในกรณีที่ไม่สามารถจัดหา Spot LNG เพิ่มเติมได้เพียงพอ หรือ กรณีที่ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าด้วย Spot LNG สูงกว่าการผลิตไฟฟ้าด้วยน้ํามัน ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า อาจมีการพิจารณา สั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าด้วยน้ํามัน จึงขอให้ ปตท. ตรวจสอบศักยภาพในการจัดส่งน้ํามันและปริมาณความต้องการน้ำมันของโรงไฟฟ้าที่เป็นคู่สัญญาควบคู่ไปด้วย”
ปัจจุบัน ปริมาณก๊าซธรรมชาติเหลวคงคลัง (LNG Inventory) ของประเทศอยู่ในระดับสูง และแผนการส่งมอบ LNG จาก Shipper ทุกรายพบว่ายังไม่มีผลกระทบ แต่อย่างไรก็ตาม กกพ. ก็จะเฝ้าติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมในการรองรับความเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อเสถียรภาพ พลังงานของประเทศ
#ก๊าซLNG
#ก๊าซธรรมชาติเหลว
ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.erc.or.th/th/news-release/3257
Cr:คณะกรรมการกิจการพลังงาน