หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปดูเรื่องการทำประมงที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะเรือที่ออกสู่น่านน้ำเป็นเดือนนั้น จะต้องเป็นเรือที่ถูกกฎหมาย ส่วนการที่สมาคมต่างๆ รวมทั้งผู้ที่มีเรือไม่ถูกต้องตามกฎหมายรวมตัวกันกดดัน และให้ผู้ที่มีเรือถูกกฎหมายร่วมต่อต้านด้วยนั้น จะเรียกทุกฝ่ายมาหารือกัน เพื่อดูว่าจะมีอะไรที่พอจะผ่อนผันได้โดยไม่ขัดต่อ IUU ซึ่งการออกพ.ร.บ. การประมงฉบับใหม่นั้น มีหลายฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ต้องทำความเข้าใจร่วมกันว่าปัญหานี้เกิดขึ้นมานานและไม่ได้รับการแก้ไข ตอนแรกอาจจะมีปัญหา แต่หากช่วยกันก็จะผ่านไปได้ และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปดูเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หลังพบว่ามีป่าไม้สูญหายไปกว่าล้านไร่ ซึ่งกระทบต่อแหล่งต้นน้ำลำธาร การทำการเกษตรบนภูเขาหัวโล้น ซึ่งมีการปลูกพืชเยอะมาก ใช้สารเคมีจำนวนมาก ทางรัฐบาลจะต้องมีมาตรการในการดูแลเรื่องเหล่านี้ หากเป็นประชาชนซึ่งมีความยากจนก็พอพูดคุย ประณีประนอมกันได้ โดยต้องอยู่ในกรอบที่เป็นธรรม แต่ถ้าหากเป็นนายทุน ไม่ได้ เพราะนายทุนรวยแล้ว จะหาแต่ผลประโยชน์ ไม่สนใจเรื่องผลกระทบต่อประเทศชาติ
นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณเกษตรกรที่ชะลอการทำนาออกไป เนื่องจากมีปัญหาการขาดแคลนน้ำ โดยรัฐบาลจะมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือ จะให้มีการขุดบ่อบาดาล ทำแก้มลิง อ่างเก็บน้ำ ให้มากขึ้น ส่วนเมื่อวานนี้ รัฐบาลได้เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงละศีลอด เดือนรอมฎอน ปี ฮ.ศ. 1436 สำหรับประชาชนชาวไทยมุสลิมที่ได้มีโอกาสปฏิบัติศาสนกิจ ที่ตึกสันติไมตรี โดยมี คณะรัฐมนตรี นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ผู้แทนเอกอัครราชทูตมุสลิมประจำประเทศไทย คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และประชาชนชาวมุสลิม และได้มีการหารือกันในเรื่องความไม่สงบในภาคใต้ พูดคุยกันเรื่องการกามาตรการที่ชัดเจนในการแก้ปัญหา และได้เน้นย้ำการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข โดยไม่แบ่งเชื้อชาติ ศาสนากัน เพราะประเทศไทยต้องมีการเดินหน้าต่อไป