การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย.กระทบอย่างหนักต่อการเดินทางทางอากาศในตะวันออกกลาง หลายประเทศในภูมิภาค รวมถึงอิสราเอล อิหร่าน อิรัก จอร์แดนและเลบานอน ปิดน่านฟ้าชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย ทำให้สายการบินส่วนใหญ่ เช่น กาตาร์ แอร์เวย์, เอมิเรตส์,ลุฟท์ฮันซ่าและบริติชแอร์เวย์, แอร์อินเดีย และเจแปน แอร์ไลน์ประกาศยกเลิก หรือปรับเส้นทางการบินใหม่ ทั้งขาไปและขากลับจากตะวันออกกลาง
นายจอห์น สตริกแลนด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินพลเรือน เปิดเผยว่า การปิดน่านฟ้าและการยกเลิกเที่ยวบินเช่นนี้ย่อมจะกระทบการเดินทางทางเครื่องบินและจะมีผลกระทบทั้งในภูมิภาคตะวันออกกลางและนอกภูมิภาค เช่น การดีเลย์เที่ยวบิน หรือการปรับเส้นทางการบินใหม่ หมายความว่าเครื่องบินจะใช้เส้นทางการบินที่ไกลกว่าเดิม จะใช้เชื้อเพลิงมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ที่สนามบินกรุงโดฮา กาตาร์ ศูนย์กลางการบินสำคัญแห่งหนึ่งของภูมิภาค หยุดให้บริการชั่วคราวเมื่อวานนี้(23 มิ.ย.) หลังอิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพสหรัฐฯในกาตาร์ เพื่อตอบโต้การที่สหรัฐฯโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ส่วนที่สนามบินนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ศูนย์กลางการบินที่มีผู้โดยสารคับคั่งมากที่สุดในโลก มีการประกาศระงับเที่ยวบินชั่วคราว โดยเจ้าหน้าที่ของสนามบินเตือนผู้โดยสารว่า อาจจะมีการดีเลย์ หรือยกเลิกเที่ยวบินในบางเส้นทาง
ทั้งนี้ สนามบินในนครดูไบ และกรุงโดฮา มีผู้โดยสารต่อวันเกือบ 400,000 คน ขณะที่สนามบินกรุงอาบูดาบี ศูนย์กลางการบินอีกแห่งหนึ่งของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีผู้โดยสารเฉลี่ย 80,000 คนต่อวัน นอกจากนั้น สนามบินในภูมิภาคนี้ยังเป็นจุดแวะพักเครื่องสำหรับเครื่องบินโดยสารที่บินระยะไกลๆ เช่น บินระหว่างทวีปยุโรปกับเอเชีย หรือออสเตรเลีย
#สงครามอิหร่านอิสราเอล
#ผลกระทบการบิน
ที่มา: bbc