น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยมีนายภูมิธรรม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายมาริษ พล.อ.ณัฐพล น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พล.อ.ทรงวิทย์ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
หลังจากนั้น นายกฯ ได้แถลงผลประชุมติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง ว่า รัฐบาลประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยไทยอาสาเป็นเจ้าภาพในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ในการหาความร่วมมือกับนานาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน รวมไปถึงความเชื่อมั่นของประเทศไทยในระดับนานาชาติ จากข้อมูลสหประชาชาติพบว่ากัมพูชาถือเป็นแหล่งศูนย์รวมอาชญากรรมระดับโลก ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ โดยมีรายได้มูลค่ากว่า 6 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งยูเอ็นระบุว่า 40-60% ของจีดีพีกัมพูชามาจากคอลเซ็นเตอร์ และยังมีในเรื่องของการฟอกเงินที่ประเทศไทยโดยหน่วยงานความมั่นคงทุกหน่วยงาน ทั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ ได้เร่งปราบปรามอย่างเด็ดขาดตามแนวชายแดน จึงได้กำหนดมาตรการดังนี้
1.ด้านความมั่นคง จะเพิ่มความเข้มงวดควบคุมการเข้า-ออกจุดผ่านแดน ทั้งการจำกัดเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดน 7 จังหวัด ห้ามรถยนต์ และบุคคลเข้า-ออก ยกเว้นในกรณีมีเหตุจำเป็นชัดเจน เช่น นักเรียน นักศึกษา และคนป่วย นอกจากนี้ ห้ามให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปเล่นการพนันในพื้นที่ชายแดน รวมถึงการเข้มงวดการเดินทางโดยเครื่องบินไปยังเสียมราฐเพื่อไปเล่นการพนัน
2.ด้านอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กระทรวงดิจิทัลฯ โดยศูนย์ AOC จะตรวจสอบบัญชีม้าและเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติอย่างเข้มงวด รวมถึงการระงับการบริการอินเตอร์เน็ตและประตูอินเตอร์เน็ตใต้น้ำ
3.ด้านการส่งออกไฟฟ้า น้ำมัน และสินค้าผ่านชายแดน ต้องระงับการส่งออกสินค้าที่เกื้อหนุนต่อกิจกรรมของกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ
4.ด้านการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์มีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดน
5.ด้านการประสานความร่วมมือกับนานาชาติ กระทรวงการต่างประเทศจะประสานกับประเทศต่างๆ รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศในการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยให้ไทยเป็นศูนย์กลางปฏิบัติการร่วมในภูมิภาค
ด้าน กองทัพภาคที่ 1 ได้เผยแพร่คำสั่งกองทัพภาคที่ 1 เรื่องควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภท ลงนามโดย พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 สำหรับเนื้อหาระบุว่า 1.งดการผ่านเข้า-ออกของยานพาหนะทุกประเภท 2.งดการเดินทางผ่านเข้า-ออกของประชาชน, นักท่องเที่ยว, ทั้งชาวไทย, ชาวต่างชาติ และการค้าขายทุกประเภท 3.ตามข้อ 1 และข้อ 2 อนุญาตให้อำนวยความสะดวกด้านมนุษยธรรมตามความเหมาะสมและความจำเป็น เช่น ด้านการรักษาพยาบาล, การส่งต่อผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลกรณีเร่งด่วน และด้านการศึกษาของนักเรียน รวมทั้งการดำเนินการที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน
ขณะที่ กองทัพภาคที่ 2 ออกคำสั่ง (เฉพาะ) ที่ 177/2568 เรื่อง มาตรการยกระดับการควบคุมการผ่านแดนในพื้นที่จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์, จุดผ่านแดนถารช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ และจุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เช่นเดียวกัน
#ไทยกัมพูชา
#กวาดล้างอาชญากรรมข้ามชาติ