ประธานาธิบดีทรัมป์แถลงที่ทำเนียบขาวก่อนเวลา 22.00 น.วันเสาร์ตามเวลากรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งช้ากว่าไทย 11 ชั่วโมง โดยมีรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ และนายปีเตอร์เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมยืนอยู่ด้านหลัง
นายทรัมป์ใช้เวลาในการแถลงนานเพียง 4 นาทีและไม่เปิดให้มีการซักถามว่า กองทัพสหรัฐได้โจมตีด้วยความแม่นยำครั้งใหญ่ต่อที่ตั้งนิวเคลียร์ 3 แห่งของอิหร่านประกอบด้วยฟอร์โด อิสฟาฮาน และนาทันซ์ที่ทุกคนได้ยินชื่อมานานหลายปีว่ามีความสามารถทำลายล้างอย่างน่ากลัว วัตถุประสงค์ของสหรัฐ คือ การทำลายศักยภาพในการเสริมสมรรถนะนิวเคลียร์ของอิหร่าน และหยุดยั้งภัยคุกคามนิวเคลียร์ของประเทศที่สนับสุนนการก่อการร้ายอันดับหนึ่งของโลก เขาสามารถแจ้งต่อโลกได้ว่า กองทัพสหรัฐประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งในการโจมตีสถานที่เสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมสำคัญของอิหร่าน ด้วยการทำลายอย่างราบคาบและสิ้นซาก
ผู้นำสหรัฐยื่นคำขาดว่า อิหร่านจะต้องสร้างสันติภาพในเวลานี้ ไม่เช่นนั้นจะถูกโจมตีหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม เขากล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลที่ทำงานเป็นทีมกับสหรัฐอย่างดียิ่ง ขอบคุณกองทัพอิสราเอลและทหารสหรัฐที่เข้าร่วมในภารกิจนี้ พร้อมกับย้ำว่ายังมีเป้าหมายในอิหร่านอีกหลายแห่งที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งจะถูกจัดการอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่นาทีหากไม่เกิดสันติภาพโดยเร็ว
ด้านรัฐบาลอิหร่าน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกมาแถลงทันทีว่าการกระทำของสหรัฐฯ ถือเป็น “อันตรายอย่างยิ่ง” พร้อมระบุว่า “ไม่สามารถมีการเจรจาใด ๆ ได้ ขณะที่ประชาชนอิหร่านกำลังถูกโจมตี”
สถานการณ์ดังกล่าวยิ่งทำให้ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลเข้มข้นขึ้น และการที่สหรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรง อาจเป็นชนวนให้เกิดสงครามระดับภูมิภาคครั้งใหม่ในตะวันออกกลาง
สำนักสารนิเทศ สำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลเผยแพร่คลิปนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูแถลงความยาว 1 นาที 25 วินาทีในวันนี้ว่า ขอแสดงความยินดีกับประธานาธิบดีทรัมป์ การตัดสินใจอย่างกล้าหาญด้วยการใช้อำนาจอันยอดเยี่ยมและชอบธรรมของสหรัฐโจมตีที่ตั้งนิวเคลียร์ของอิหร่านจะเป็นการเปลี่ยนประวัติศาสตร์ ที่ผ่านมาปฏิบัติการสิงโตผงาด (Operation Rising Lion) ของอิสราเอลได้ทำในสิ่งที่น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง แต่การโจมตีของสหรัฐเมื่อคืนวันเสาร์ได้ทำให้สหรัฐเป็นประเทศที่ไม่มีประเทศใดในโลกสามารถเทียบได้อย่างแท้จริง ประวัติศาสตร์จะจารึกไว้ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทำในสิ่งที่เป็นการไม่ยอมรับรัฐบาลและอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดในโลก และได้สร้างหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์ที่จะช่วยนำพาภูมิภาคตะวันออกกลางและนอกภูมิภาคไปสู่อนาคตที่รุ่งเรืองและสันติ
นายกรัฐมนตรีอิสราเอลกล่าวด้วยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์และเขาพูดอยู่เสมอเรื่องการสร้างสันติภาพด้วยความแข็งแกร่ง ความแข็งแกร่งต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก แล้วจึงจะมีสันติภาพได้
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวสกายนิวส์อาระเบียรายงานวันนี้อ้างคำกล่าวของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในวันเสาร์ที่ให้สัมภาษณ์ว่า รัสเซียได้แจ้งต่ออิสราเอลซ้ำหลายครั้งว่า ไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่บ่งชี้ว่าอิหร่านกำลังมุ่งมั่นที่จะได้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์
นายปูตินกล่าวว่า รัสเซีย รวมถึงทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ (IAEA) ไม่เคยมีหลักฐานใด ๆ ว่าอิหร่านกำลังเตรียมการเพื่อครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งรัสเซียก็ได้ย้ำหลายครั้งให้ผู้นำอิสราเอลได้รับทราบ นายปูตินกล่าวว่า รัสเซียพร้อมที่จะสนับสนุนอิหร่านในการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์เพื่อสันติ พร้อมเสริมว่า อิหร่านมีสิทธิ์ที่จะดำเนินการดังกล่าว ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่เวทีเศรษฐกิจในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า รัสเซียกำลังแบ่งปันแนวคิดเกี่ยวกับวิธีที่จะหยุดยั้งการนองเลือดในความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลกับทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับแนวคิดเหล่านั้น
#อิหร่าน
#สงครามตะวันออกกลาง