เรืองไกร ยื่น กกต.สอบ นายกฯไม่สุจริต ปมคุยกับ ฮุนเซน ย้ำไม่ใช่แนวเจรจาระดับทวิภาคี

19 มิถุนายน 2568, 11:57น.


          นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินทางมายื่นหนังสือต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า มีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ อันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 160(4) หรือไม่ และเข้าข่ายเป็นเหตุให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170(4) หรือไม่ จากกรณีมีการเผยแพร่คลิปเสียงสนทนากับสมเด็จ ฮุนเซน ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. ถือเป็นหลักฐานสำคัญ ที่ทำให้ต้องมายื่นร้องต่อกกต.ว่าพฤติกรรมดังกล่าว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170(4) ระบุว่า เหตุความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว เนื่องจากความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ โดยศาลรัฐธรรมนูญได้วางแนววินิจฉัยไว้ เหมือนกรณีคดีของ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งสามารถยึดเป็นแนวบรรทัดฐานได้



          สำหรับการชี้แจงของนายกฯ ระบุว่า การพูดคุยลักษณะดังกล่าวเป็นเทคนิคการเจรจา นายเรืองไกร กล่าวว่า ฟังไม่ขึ้น การโทร.คุยกันลับๆ ในตำแหน่งนายกฯ กับนายฮุนเซน และมีข่าวรั่วออกมา ยืนยันว่า การคุยแบบทวิภาคีต้องเปิดเผย ฝ่ายความมั่นคงต้องทราบ แต่ท่านไปตกลง และพูดจาเอาใจเขา แล้วบอกว่าแม่ทัพนายกองของเราเป็นฝ่ายตรงข้าม คำว่า พวกเรา คือใคร ท่านนายกฯ กับฝ่ายกัมพูชาเป็นพวกเดียว แล้วฝ่ายคนไทยไม่ใช่พวกท่าน มันทำให้คนไทยรู้สึก บางครั้งการพูดต้องคิด ทักษะการพูดหากคนที่เรียนการทูตมาจะเข้าใจมากกว่า ที่ว่าพูดให้ใจเย็นนั้น เป็นแค่การพูดแก้ทีหลัง แต่ขั้นตอนที่ไปคุยกัน กับเสียงที่ออกมาไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น



        ส่วนที่ปัจจุบันมีการเรียกร้องให้ยุบสภา หรือลาออกนั้น ส่วนตัวพูดหลายครั้งแล้วว่า การที่ท่านขึ้นมานั้น คะแนนหลายๆ เรื่องไม่ผ่าน อภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ผ่านมาท่านได้เพราะเสียงเกินก็อยู่ได้ แต่สิ่งที่สังคม ประชาชนรับรู้ คือความรู้ความสามารถของนายกฯ เองนั้น ท่านควรจะพิจารณาตัวเอง อยู่ตรงนี้รังแต่จะก่อให้เกิดความรู้สึกลำบากใจตัวเองหรือไม่ อยู่ที่ว่าท่านจะไปไหวไหม เพราะหลายพรรคการเมือง รวมถึงประชาชนก็เรียกร้องความรับผิดชอบจากตัวนายกฯ อย่างภูมิใจไทยก็แสดงจุดยืนและลาออกไปแล้ว แค่นี้ก็เหนื่อยแล้ว ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ก็มีจุดยืนของหัวหน้าพรรคไปแล้ว เรื่องที่มีคนถูกดึงไป แต่จะมี สส.คนไหนปันใจหรือไม่ตนก็ไม่ทราบ

          ดังนั้น นายกฯ มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง ไม่ยุบสภาก็ลาออกแล้วให้คนใหม่ที่เหมาะสมกว่ามาทำหน้าที่ เพราะเรายังมีบัญชีนายกฯ อยู่ เพื่อไทยยังมีนายชัยเกษม นิติสิริ อยู่ในบุญชี ขณะที่ อายุสภาก็ยังเหลืออยู่ แต่ถ้าท่านมั่นใจว่าจะให้ประชาชนตัดสินท่านก็ต้องยุบ ถ้าคิดว่าไปไม่ไหว แล้วสภายังไม่มีความผิดอะไรท่านก็ลาออก



          ส่วนกระแสสังคมมีการพูดถึงการปฏิวัติ นายเรืองไกร กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในครรลองประชาธิปไตย แต่ถ้าความรู้สึก การประเมินตัวเองของนายกฯ และมีเสียงสะท้อนแบบนี้ ท่านก็ควรจะรับรู้ว่า ควรจะพิจารณาตัวเอง ดีที่สุด แต่ถ้ารอจนเป็นคดีความต่างๆ ท่านอายุยังน้อย ลูกยังเล็ก เพราะความมั่นคงเป็นเรื่องใหญ่มาก



 



#กกต



#นายกแพทองธาร



 

ข่าวทั้งหมด

X