เมื่อพรรคภูมิใจไทยไม่รับข้อเสนอแลกกระทรวงมหาดไทยกับ กระทรวงสาธารณสุขและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ แล้วไปเป็นฝ่ายค้านจะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลเดิมที่มี 332 เสียง เหลือ สส.ทั้งหมด 261 เสียง ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย 142 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง พรรคกล้าธรรม 26 เสียง บวกกับอีก 5 เสียง สส.งูเห่า ประกอบด้วย น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี พรรคประชาชน นางกาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ นางรำพูล ตันติวณิชชานนท์ สส.อุบลราชธานี และนางสุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร พรรคไทยสร้างไทย 4.พรรคประชาธิปัตย์ 25 เสียง 5.พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง 6.พรรคประชาชาติ 9 เสียง 7.พรรคชาติพัฒนา 3 เสียง 8.พรรคไทรวมพลัง 2 เสียง 9.พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง 10.พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง และ 11.พรรคไทยก้าวหน้า 1 เสียง
ขณะที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะมี 234 เสียง ประกอบด้วย 1.พรรคประชาชน เหลือ 142 เสียง 2.พรรคภูมิใจไทย 69 เสียง กับอีก 2 สส.อุดรธานี พรรคไทยสร้างไทย 3.พรรคพลังประชารัฐ เหลือ 19 เสียง 4.พรรคไทยสร้างไทย เหลือ 1 เสียง และพรรคเป็นธรรม 1 เสียง
ขณะนี้ สส.ในสภาฯมีทั้งสิ้น 495 คน องค์ประชุมกึ่งหนึ่งคือ 248 คน เสียงพรรคร่วมรัฐบาลที่มีอยู่ 261 เกินเสียงกึ่งหนึ่งเพียง 13 เสียง แกนนำพรรคเพื่อไทยและแกนนำพรรคร่วมอื่นๆ ต่างพยายามหาเสียงจากสส.ซีกฝ่ายค้าน อาทิ กลุ่มของนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มีสส.ในกลุ่มอย่างน้อย 6 เสียง ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง และอาจจะรวมไปถึง สส.บางกลุ่มในพรรคพลังประชารัฐด้วย ซึ่งขณะที่พรรคไทยสร้างไทย จากเดิมอยู่กับพรรคกล้าธรรม 2 เสียง และไปเปิดตัวกับพรรคภูมิใจไทย 2 เสียง และอีก 1 เสียงที่ยังอยู่ที่เดิมก็จะกลับมารวมตัวกันเป็น 5 เสียงอีกครั้ง เพื่อรวมตัวมาเข้าร่วมรัฐบาลในนามพรรคไทยสร้างไทย
นอกจากนี้ยังประสานไปยัง สส.ของพรรคภูมิใจไทยหลายคน เพื่อให้เข้ามาเติมเสียงให้กับรัฐบาล โดยใช้เก้าอี้รัฐมนตรีสัดส่วนของพรรคภูมิใจไทยที่ว่างลง 8 ตำแหน่งเป็นแรงจูงใจ ทำให้ขณะนี้ทางพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้วางตัวคนมานั่งตำแหน่งที่ว่างลง ต้องให้เสียงที่เพิ่มเข้ามานิ่งและลงตัวก่อนแล้วค่อยจัดสรร
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พรรคแกนนำรัฐบาลยังไม่ได้เกลี่ยโควตารัฐมนตรี เพราะต้องการให้เสียงสส.ที่จะเติมเข้ามานิ่งก่อน จากนั้นค่อยเกลี่ยเก้าอี้ให้ส่วนที่เพิ่มเข้า แล้วจึงจัดสรรโควตาที่ยังว่างอยู่ให้กับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม เพื่อต้องการทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพมากที่สุด โดยเบื้องต้นจะพยายามทำให้ทุกอย่างลงตัวภายในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้