นายวิทยา นิติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามฟอกเงิน หรือ ปปง. และในฐานะโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมในเดือน เม.ย.68-มิ.ย.68 ที่น่าสนใจ ดังนี้
1.ยึดและอายัดทรัพย์สิน จำนวน 27 คดี ทรัพย์สิน 1,016 รายการ พร้อมดอกผลมูลค่าประมาณ 833 ล้านบาท โดยเป็นทรัพย์สินในคดีสำคัญ ยกตัวอย่าง คดีนายษิทรา กับพวก (เพิ่มเติม) กรณีความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และความผิดฐานฟอกเงิน โดยคณะกรรมการธุรกรรมได้เคยมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินไว้แล้ว จำนวน 3 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 71 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแพ่ง ในการนี้จึงมีการดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินซึ่งตรวจพบในอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ (เพิ่มเติม) จำนวน 25 รายการ เช่น สินค้าแบรนด์เนม และสิทธิเรียกร้องตามสัญญาซื้อขายรถยนต์ รวมมูลค่าประมาณ 6 ล้านบาท (คำสั่ง ย. 116/2568)
คดีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก (เพิ่มเติม) กรณีดังกล่าวเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน โดยคณะกรรมการธุรกรรมได้เคยมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินไว้แล้ว จำนวน 5 ครั้ง รวมทรัพย์สิน 165 รายการ ราคาประเมินประมาณ 450 ล้านบาท และส่งเรื่องให้พนักงานอัยการ พิจารณายื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเกี่ยวกับทรัพย์สินดังกล่าว รวม 2 สำนวนคดี ตามคดีหมายเลขดำที่ ฟ.3/2568 และหมายเลขดำที่ ฟ.54/2568 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแพ่ง ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด (เพิ่มเติม) จำนวน 281 รายการ เช่น กระเป๋า นาฬิกา สินค้าแบรนด์เนม และยานพาหนะ รวมมูลค่าประมาณ 160 ล้านบาท (คำสั่ง ย. 122/2568)
สำนักงาน ปปง. ได้มีการส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืน หรือชดใช้คืนผู้เสียหาย (คุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย) จำนวน 18 รายคดี ทรัพย์สิน 408 รายการ มูลค่าประมาณ 245 ล้านบาท ในความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน ฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ โดยมีข้อมูลรายคดีสำคัญ คือ รายคดี MR.WONG WEI กับพวก ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน การฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และเชื่อมโยงกับทรัพย์สินในความผิดเกี่ยวกับการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีมติเห็นชอบให้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนผู้เสียหาย (กรณีคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย) ซึ่งเป็นการดำเนินการกับทรัพย์สิน 93 รายการมูลค่า 130 ล้านบาท (คำสั่ง ย. 93/2567 และคำสั่ง ย. 148/2567)