ผู้นำ G7 เรียกร้อง อิสราเอล-อิหร่าน เปิดโต๊ะเจรจา ยุติความขัดแย้ง

          ผู้นำกลุ่ม 7 ชาติอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก (กลุ่ม G7) คือแคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, ญี่ปุ่น, สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ ที่เข้าร่วมประชุมในเมืองคานานาสกิส รัฐแอลเบอร์ตาทางภาคตะวันตกของแคนาดา ระหว่าง 15-17 มิ.ย.นี้ ได้ออกแถลงการณ์ร่วม หลังการประชุมวันสุดท้ายในวันนี้(17 มิ.ย.) เรียกร้องให้อิสราเอลและอิหร่านใช้วิธีการเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้ง ขอให้อิสราเอลและกลุ่มฮามาสหยุดยิงในเขตฉนวนกาซา พร้อมแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาคตะวันออกกลาง

          แถลงการณ์ระบุว่า อิสราเอลมีสิทธิ์ในการป้องกันตนเอง และกลุ่ม G7 ให้การสนับสนุนเรื่องความมั่นคงของอิสราเอล พร้อมย้ำถึงความสำคัญของการปกป้องพลเรือน กล่าวหาอิหร่านว่าเป็นตัวการใหญ่ที่ก่อความไม่สงบและการก่อการร้ายทั่วทั้งภูมิภาคและย้ำจุดยืนอย่างชัดเจนว่า อิหร่านไม่อาจจะมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง

          แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ทูตชาวตะวันตก ซึ่งรับผิดชอบการจัดทำแถลงการณ์ร่วมระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯได้ลงนามในร่างแถลงการณ์ร่วม หลังจากที่ประชุมยอมปรับแก้ถ้อยคำในแถลงการณ์ พร้อมเพิ่มเติมว่า ข้อความว่า ที่ประชุมเสนอให้มีการใช้การเจรจาทางการทูตเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและขอให้คู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่ายทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ

          ในตอนแรก นายทรัมป์แสดงท่าทีแข็งกร้าว ไม่ต้องการให้กลุ่ม G7 อ่อนข้อให้กับอิหร่านมากเกินไป พร้อมยืนกรานจะไม่ยอมลงนามในแถลงการณ์ร่วม และต่อมา ที่ประชุมได้เผยแพร่แถลงการณ์ร่วม ขณะที่นายทรัมป์เดินทางกลับสหรัฐฯก่อนกำหนดเมื่อคืนนี้ (16 มิ.ย.)โดยนายทรัมป์อ้างว่า จำเป็นต้องกลับไปยังทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตันดี.ซี.เพื่อติดตามสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านอย่างใกล้ชิด

#กลุ่มG7

#แถลงการณ์ร่วม

ที่มา: cnn