กรณีนักศึกษาทั้ง 14 คนที่เคลื่อนไหวก่อความไม่สงบและละเมิดกฎหมาย พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระบวนการทุกอย่างอยู่ภายใต้อำนาจศาล ฝ่ายบริหารไม่สามารถก้าวล่วงได้ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย และรัฐบาล ยืนยัน ที่จะทำให้กฎหมายคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์และเป็นธรรม ต้องแยกระหว่าง เจตนา กับการกระทำ เชื่อว่า นักศึกษาอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำไปตามประสบการณ์ ความคิดของตัวเอง แต่เลือกวิธีการที่ผิดกฎหมาย ก็ต้องรับผลของการกระทำนั้น สิ่งที่สามารถดำเนินการได้ในขณะนี้คือ การขอประกันตัวตามหลักเกณฑ์การต่อสู้คดี ซึ่งหากนักศึกษายอมเปิดใจรับฟังข้อเท็จจริงของปัญหาบ้านเมืองเข้าใจสถานการณ์ของประเทศ และตระหนักในผลกระทบที่ได้ทำลงไป เชื่อว่าศาลอาจมีเมตตา
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า จากข้อมูลที่ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่ได้พบปะพูดคุยกับนักศึกษา พบว่า นักศึกษาหลายคนในกลุ่มนี้ ซึ่งขณะนี้ถูกดูแลแยกกันคนละพื้นที่ ต้องการขอประกันตัว และอยากกลับภูมิลำเนาและเตรียมตัวศึกษาต่อซึ่งเดือนหน้าก็จะเปิดเทอมปีการศึกษาใหม่แล้ว แต่ที่ยังไม่ดำเนินการประกันตัวให้เรียบร้อยเพราะติดด้วยการกระแสจากกลุ่มบุคคลบางพวกที่ต้องการใช้นักศึกษาเป็นเครื่องมือให้นักศึกษาอยู่ในเรือนจำต่อไป เพื่อหวังผลทางในการสร้างสถานการณ์ให้ยืดเยื้อ อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้ใหญ่ ทุกคนจึงควรต้องแสดงความมีเมตตาต่อเด็ก ดังนั้นการกระทำใดๆที่จะเป็นผลสร้างกระแส หรือกดดันจากตัดสินใจของนักศึกษาแต่ละคน ขอให้ยุติเสีย เพราะจะยิ่งเป็นการทำร้ายนักศึกษาทั้ง 14 คน และซ้ำเติมสถานการณ์ซึ่งไม่เป็นผลดีกับนักศึกษาและบ้านเมืองส่วนรวม
CR:แฟ้มภาพ