นายกรัฐมนตรีฟรีดริช แมร์ซ ของเยอรมนี เปิดเผยว่า การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย.ต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้(16 มิ.ย.) มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 224 รายในอิหร่านและมีผู้เสียชีวิต 17 รายในฝั่งของอิสราเอล ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน สร้างความไม่สบายใจให้กับผู้นำลุ่ม 7 ประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก(กลุ่ม G7)คือ แคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, ญี่ปุ่น, สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ ที่มาร่วมประชุมกันในเมืองคานานาสกิส รัฐแอลเบอร์ตาทางภาคตะวันตกของแคนาดา ระหว่าง 15-17 มิ.ย.นี้ หลายฝ่ายหวั่นเกรงการสู้รบจะขยายวงกว้างไปทั่วทั้งภูมิภาคตะวันอกกลาง คาดว่า เรื่องนี้จะเป็นหนึ่งในหัวข้อประชุมในลำดับแรกๆซึ่งผู้นำกลุ่ม G7 จะหารือกันที่แคนาดาในครั้งนี้
นายแมร์ซ แสดงความหวังว่า ที่ประชุมผู้นำกลุ่ม G7 จะบรรลุข้อตกลงเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล พร้อมทั้งหาทางป้องกันไม่ให้สถานการณ์ความขัดแย้งทวีความขัดแย้งมากกว่านี้ ย้ำว่า เป้าหมายของการประชุมในครั้งนี้ รวมถึงการสร้างความมั่นใจว่า อิหร่านจะไม่เดินหน้าโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ หรือ มีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในความครอบครอง พร้อมทั้งรับรองเรื่องสิทธิ์ในการป้องกันตนเองของอิหร่าน พร้อมขอให้เลี่ยงการทำให้สถานการณ์การสู้รบบานปลายมากกว่านี้ และเรียกร้องให้คู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่ายใช้วิธีการเจรจาทางการทูตเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้ง
ส่วนท่าทีจากสหรัฐฯ ก่อนเดินทางไปร่วมประชุมที่แคนาดาเมื่อวานนี้ นักข่าวได้ถามเรื่องนี้กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ซึ่งนายทรัมป์แสดงความหวังว่าทั้งอิสราเอลและอิหร่านจะยอมเจรจาทำข้อตกลงหยุดยิง โดยนายทรัมป์ย้ำว่า ถึงเวลาแล้วที่ทั้งสองฝ่ายจะทำข้อตกลงกัน แต่นายทรัมป์ยอมรับว่า ในบางครั้งทั้งสองฝ่ายอาจจะต้องสู้รบกันก่อนเจรจาสงบศึกในเวลาต่อมา พร้อมเตือนอิหร่านไม่ให้โจมตีค่ายทหารอเมริกันในตะวันออกกลาง เพื่อไม่ทำให้สถานการณ์การสู้รบลุกลามมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งขอให้อิหร่านยกเลิกโครงการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม เพื่อลดความหวาดระแวงจากสหรัฐฯ อิสราเอลและชาติตะวันตก ขณะที่อิหร่านยืนหยัดว่าโครงการนิวเคลียร์อิหร่านมุ่งใช้ในทางสันติเช่น การผลิตกระแสไฟฟ้า ไม่ต้องการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ต่างๆนานา
#ประชุมG7
#สถานการณ์ตะวันออกกลาง
ที่มา: reuters