พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าวันเดียวกัน หน่วยทหารในพื้นที่กองกำลังสุรนารีได้ดำเนินการปรับปรุงเส้นทางบริเวณเนิน 469 และเนิน 745 ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อใช้ในภารกิจลาดตระเวนและส่งกำลังบำรุง โดยยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ภายในเขตราชอาณาจักรไทยอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ระหว่างการปฏิบัติงานได้มีทหารกัมพูชาเข้ามาสอบถามและขอให้ชะลอการดำเนินการชั่วคราว เพื่อตรวจสอบในรายละเอียดเกี่ยวกับเขตพื้นที่ ส่งผลให้ผู้บังคับบัญชาของทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือกัน ผลจากการหารือดังกล่าว ทำให้ฝ่ายกัมพูชายอมรับว่าถนนที่กำลังก่อสร้างอยู่ภายในเขตแดนของประเทศไทยอย่างถูกต้อง จึงสามารถตกลงกันได้ และหน่วยทหารไทยสามารถดำเนินภารกิจต่อไปได้ตามแผนที่วางไว้
โฆษกกองทัพบกยืนยันว่า การดำเนินการของหน่วยทหารไทยทั้งหมดเป็นไปตามกรอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา (MOU2543) ซึ่งฝ่ายไทยยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และไม่เคยมีการละเมิดข้อตกลงดังกล่าวแต่อย่างใด โดยภารกิจในพื้นที่นี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงเส้นทางที่ดำเนินการมาแล้วในหลายจุด เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านความมั่นคงตามแนวชายแดนของกองทัพบก
ทั้งนี้ การหารือกับฝ่ายกัมพูชาได้เสร็จสิ้นลงด้วยความเข้าใจที่ตรงกัน และฝ่ายกัมพูชาได้แสดงท่าทีเห็นพ้องและยอมรับในข้อเท็จจริงอย่างชัดเจน
สำหรับการประชุม คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 กระทรวงการต่างประเทศของไทย รายงานว่า เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ
การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้
ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีระดับสูงด้านความมั่นคง มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทยกับกัมพูชาเป็นประธานร่วม เพื่อหารือในการกำหนดแนวทางและมาตรการที่เหมาะสมเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือและการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ และ (3) คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) ซึ่งเป็นกลไกระดับทวิภาคีของฝ่ายทหาร เพื่อหารือในระดับพื้นที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการ การพัฒนา ตลอดจนการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นบริเวณชายแดนร่วมกัน โดยประธานร่วมเป็นระดับแม่ทัพภาคหรือตำแหน่งที่เทียบเท่า
#ไทยกัมพูชา
#น้ำยืน