แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า นายพีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯได้แต่งตั้งนายเอลบริดจ์ โคลบี ผู้เชี่ยวชาญนโยบายความมั่นคงของสหรัฐฯให้รับผิดชอบการพิจารณาทบทวนข้อตกลงสร้างเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ในโครงการความมั่นคง ออคัส(Aukus) มูลค่า 239,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่รัฐบาลชุดก่อนของสหรัฐฯได้ลงนามกับสหราชอาณาจักรและออสเตรเลียในปี 2564 เพื่อให้สอดคล้องกับ นโยบายอเมริกาต้องมาก่อนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อีกทั้งให้แน่ใจว่ากำลังพลของสหรัฐฯมีความพร้อมในขั้นสูงสุดและเพื่อให้พันธมิตรของสหรัฐฯสามารถจะร่วมมือกันอย่างเต็มที่ในการปฏิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
ภายใต้ข้อตกลงนี้ ซึ่งมุ่งเพื่อยับยั้งการขยายอิทธิพลทางทหารของจีนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ออสเตรเลียจะจัดซื้อเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์มือสองจากสหรัฐฯจำนวน 3 ลำ ช่วงต้นปี 2573 พร้อมเงื่อนไขที่เปิดทางให้ซื้อเรือดำน้ำเพิ่มเติมได้อีก 2 ลำ ก่อนพันธมิตรทั้ง 3 จะร่วมกันสร้างเรือดำน้ำรุ่นใหม่ในอนาคต นอกจากนั้น ข้อตกลงนี้กำหนดให้สหรัฐฯและสหราชอาณาจักรส่งเรือดำน้ำจำนวนหนึ่งเข้าไปมาประจำการยังฐานทัพเรือออสเตรเลียในเมืองเพิร์ธ รัฐเวสเทิร์น ออสเตรเลียนับตั้งแต่ปี 2570 เป็นต้นไป
นักวิเคราะห์ ระบุว่า ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากทั้งออสเตรเลียและสหราชอาณาจักรเผชิญกับกระแสกดดันจากสหรัฐฯให้เพิ่มงบด้านกลาโหมเป็นร้อยละ 3 ของ GDP ของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา สหราชอาณาจักรยอมทำตาม โดยปรับเพิ่มงบกลาโหมขึ้นมาเป็นร้อยละ 2.5 ภายในปี 2571จากร้อยละ 2.3 ในปัจจุบัน และจะเพิ่มเป็นร้อยละ 3 ภายในการเลือกตั้งสส.ชุดต่อไป แต่ออสเตรเลียแม้จะปรับเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม แต่จะปรับไม่สูงเท่าที่สหรัฐฯต้องการ
ด้านกระทรวงการต่างประเทศจีนวิจารณ์การทำข้อตกลงเรื่องนี้ของสหรัฐฯและพันธมิตรทั้งสองว่าจะทำให้เกิดการแข่งขันอาวุธมากขึ้นในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
#สหรัฐทบทวน
#โครงการเรือดำน้ำออคัส