สหรัฐฯสั่งอพยพจนท.ทูต-ครอบครัวทหารในตะวันออกกลาง หลังอิหร่านขู่โจมตี

          รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงแบกแดด อิรัก โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานที่ไม่เร่งด่วน อพยพออกจากอิรัก พร้อมครอบครัว โดยนายทรัมป์เปิดเผยเรื่องนี้ที่ศูนย์ศิลปะการแสดง เคนเนดี เซ็นเตอร์ ในกรุงวอชิงตันดี.ซี.เมื่อวานนี้(11 มิ.ย.) กล่าวถึงอิรักและภูมิภาคตะวันออกกลางว่า เป็นพื้นที่เสี่ยงอันตรายในระยะนี้ โดยนายทรัมป์แสดงความเป็นกังวลว่า อิหร่านอาจจะไม่ยอมยกเลิกโครงการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม ทำให้โอกาสสูงที่สหรัฐฯจะใช้กำลังทหารโจมตีโรงนิวเคลียร์อิหร่านตามที่นายทรัมป์เคยเตือนไว้ แต่รัฐบาลทรัมป์ยืนยันว่า นายสตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษของประธานาธิบดีทรัมป์ จะไปร่วมประชุมนิวเคลียร์รอบที่ 6 กับเจ้าหน้าที่อิหร่านในโอมานในวันอาทิตย์หน้า(15 มิ.ย.)

          ด้านนายพีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯอนุญาตให้ครอบครัวของทหารอเมริกันอพยพโดยสมัครใจจากค่ายทหารสหรัฐฯทั่วทั้งตะวันออกกลาง รวมทั้งอิรัก คูเวตและบาห์เรน หลังสหรัฐฯประเมินว่า มีความเสี่ยงด้านความมั่นคงเพิ่มขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลาง ในปัจจุบัน สหรัฐฯมีกำลังทหาร 2,500 นายประจำอยู่ในอิรัก

          ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯระบุเมื่อวานนี้(11 มิ.ย.)ว่า กองทัพสหรัฐฯประจำตะวันออกกลางได้รับคำสั่งจากรัฐบาลทรัมป์ให้เตรียมพร้อมในการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน หลังการเจรจานิวเคลียร์กับอิหร่านล้มเหลวมาแล้ว 5 ครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่สหรัฐฯระบุว่า เรื่องนี้อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งในการที่รัฐบาลสหรัฐฯสั่งเจ้าหน้าที่ทูตอเมริกันและครอบครัวทหารอพยพออกจากตะวันออกกลาง และเชื่อว่า อิหร่านจะตอบโต้ด้วยการโจมตีค่ายทหารสหรัฐฯในอิรัก หรือค่ายทหารสหรัฐฯในประเทศอื่นๆในตะวันออกกลาง ในกรณีถูกโจมตีจากสหรัฐฯ

          หลังข่าวนี้แพร่ออกไป ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขยับขึ้นกว่าร้อยละ 4 หลังนักลงทุนประเมินว่า อาจจะเกิดภาวะไร้เสถียรภาพในภูมิภาคตะวันออกกลางในอนาคตอันใกล้ จะกระทบต่อการขนส่งน้ำมันทางเรือไปสู่ตลาดโลก

#สหรัฐ

#อพยพทูตในอิรัก

#อิหร่าน

ที่มา: bbc