ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า นางอัวร์ซูลา ฟอนเดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ประกาศเมื่อวานนี้(10 มิ.ย.) ถึงมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งที่ 18 นับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนในปี 2565 เพื่อตัดเส้นทางสร้างรายได้ของรัสเซียจากการส่งออกน้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติ แต่กลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)จะต้องเสนอมาตรการนี้ให้ 27 ประเทศสมาชิกอียูรับรองก่อน จึงจะมีผลบังคับอย่างเป็นทางการ
ภายใต้มาตรการนี้ กลุ่มอียู จะจำกัดเพดานราคารับซื้อน้ำมันดิบจากรัสเซียลงมาเหลือ 45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จาก 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ห้ามผู้ประกอบการจากกลุ่มอียูทำธุกรรมกับธนาคาร 22 แห่งของรัสเซีย รวมถึงธนาคารในประเทศที่ 3 ที่ช่วยรัสเซียหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร
นอกจากนี้ กลุ่มอียูห้ามผู้ประกอบการในยุโรปทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับโครงการพื้นฐานพลังงานของรัสเซีย เช่น ท่อส่งก๊าซ นอร์ด สตรีม(Nord Stream)เพื่อเพิ่มแรงกดดันทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียมากขึ้น และห้ามส่งออกวัสดุและเทคโนโลยีที่อาจจะช่วยให้รัสเซียพัฒนาอาวุธ
นางฟอนเดอร์ เลเยน ย้ำจุดยืนของกลุ่มอียูในการสนับสนุนแก่ยูเครนและจะเดินหน้าคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมไปจนว่ารัสเซียจะยอมทำข้อตกลงสันติภาพกับยูเครน ด้านประธานาธิบดีเซเลนสกี เรียกมาตรการคว่ำบาตรนี้ว่าเป็นก้าวสำคัญในการกดดันให้รัสเซียยอมเจรจาสันติภาพกับยูเครน ระบุว่า รายได้จากการส่งออกน้ำมัน เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้รัสเซีย สามารถทำสงครามกับยูเครนอย่างต่อเนื่อง พร้อมวิจารณ์รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ที่ไม่ยอมประกาศคว่ำบาตรรัสเซียให้เข้มข้นเท่าๆ กับกลุ่มอียู ทำให้รัสเซียไม่เห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการเจรจาสันติภาพกับยูเครน
#อียู
#คว่ำบาตรรัสเซีย