นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพการหารือระหว่างอาหารกลางวันร่วมกับ พ.อ. หญิง ดังใจ สุวรรณกิตติ โฆษกกระทรวงกลาโหม พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และ พล.ต. วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อประโยชน์ในการประสานงานด้านการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ โดยเฉพาะแนวทางการบริหารและการต่อต้านการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนในบริบทของประเด็นด้านความมั่นคง ทุกฝ่ายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีการส่งเสริมการประสานงานในบริบทของสื่อปัจจุบัน รวมถึงประสบการณ์เกี่ยวกับการรับมือกับผลกระทบของการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือน
หลังจากนั้น นายนิกรเดช ได้แถลงข่าวสถานการณ์ระหว่างไทยและกัมพูชา เย็นวันที่ 8 มิถุนายน ฝ่ายไทยได้รับรายงานว่า กองกำลังของฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้ออกสำรวจแนวพื้นที่และแนวคูเลตร่วมกัน และได้มีการกลบฝังพื้นที่ตามข้อตกลงร่วมกัน พร้อมกับมีการปรับกำลังของทั้งสองฝ่ายให้ไปอยู่ในแนวพื้นที่ที่ได้ตกลงกันไว้ในช่วงสถานการณ์ปกติเมื่อปี 2567 แล้ว
ฝ่ายไทยเห็นว่า พัฒนาการทางบวกล่าสุดนี้ส่งสัญญาณที่ดีและสะท้อนความจริงใจของฝ่ายกัมพูชาในการลดความตึงเครียดของสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และเป็นผลจากการเจรจาในทุกระดับของทั้งสองฝ่าย ซึ่งหวังว่า จะนำไปสู่การหาทางออกอย่างสันติในระยะยาว เคารพซึ่งกันและกัน และด้วยความจริงใจต่อกัน โดยเฉพาะการใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ อีกทั้งเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีที่จะนำไปสู่การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยเขตแดนไทย-กัมพูชา (Joint Boundary Commission: JBC) ที่จะเกิดขึ้นในอีก 5 วันจากนี้
ฝ่ายไทยจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การประชุม JBC ครั้งต่อไปที่ฝ่ายกัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน ที่จะถึงนี้ ที่กรุงพนมเปญ จะสามารถช่วยลดความตึงเครียดของสถานการณ์ในภาพรวมที่ยังคงมีความเปราะบางในขณะนี้ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่และความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝั่งชายแดน และนำไปสู่การหาทางออกที่ยั่งยืนในท้ายที่สุด พร้อมกันนี้ ขอยืนยันความพร้อมของฝ่ายไทยที่จะเข้าร่วมการประชุม JBC ด้วยความสุจริตใจ (in good faith) และหวังจะได้เห็นความร่วมมือและความตั้งใจจริงของทั้งสองฝ่ายในการทำให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีดียิ่งขึ้น
รัฐบาลไทยขอยืนยันความเชื่อมั่นว่า การใช้กลไกที่ไทยและกัมพูชามีอยู่ระหว่างกัน เช่น JBC ควบคู่ไปกับกลไกคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ GBC กลไกคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC และการเจรจาทวิภาคีในทุกระดับ ทั้งในส่วนของทหารและพลเรือน รวมไปถึงการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศจะเป็นหนทางที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ เพื่อให้ประเทศทั้งสองในฐานะครอบครัวสมาชิกอาเซียนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
ขอใช้โอกาสนี้ย้ำความเข้าใจในเรื่องของมาตรการควบคุมจุดผ่านแดนต่าง ๆ ว่า ยังคงดำเนินต่อไปตามการประเมินฝ่ายความมั่นคง ทั้งนี้ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่และความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝั่งชายแดน นอกจากนี้ ศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ศอ.ปชด.) ได้มีประกาศที่จะยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการค้ามนุษย์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เช่น การตัดกระแสไฟฟ้า การระงับสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ส่งเข้าไปในพื้นที่ที่เป็นบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ การควบคุมสินค้าและยุทโธปกรณ์ที่อาจจะนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีและอาชญากรรมข้ามชาติอื่น ๆ อีกด้วย โดยจะได้นำเสนอมาตรการดังกล่าวต่อ สภาความมั่นคงแห่งชาติต่อไป
กระทรวงการต่างประเทศยังคงขอความร่วมมือพี่น้องสื่อมวลชนและประชาชนระมัดระวังการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ได้รับการตรวจสอบยืนยัน และหลีกเลี่ยงการขยายข่าวที่อาจปลุกระดมหรือเป็นการกล่าวหาอีกฝ่ายโดยยังไม่มีข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการสร้างความเข้าใจผิดและความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดประเด็นขัดแย้งเพิ่มเติม
สำหรับกลไก JBC จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2543 เป็นกลไกทางเทคนิคเพื่อหารือเรื่องการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่ผ่านมา มีการประชุมร่วมจำนวน 10 ครั้ง (สมัยสามัญ 5 ครั้ง และสมัยวิสามัญ 5 ครั้ง) โดยการประชุมครั้งล่าสุด (สมัยสามัญ ครั้งที่ 5) จัดขึ้นเมื่อปี 2555 ที่กรุงเทพฯ โดยการทำงานของ JBC ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา มีความคืบหน้าในหลายพื้นที่ ดังเช่นในกรณีของสะพานมิตรภาพไทย – กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท) รวมถึงการก่อสร้างสะพานข้ามพรมแดนแห่งใหม่ ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด จังหวัดจันทบุรี ตามที่เคยได้แจ้งข้อมูลให้ทราบก่อนหน้านี้แล้ว
#ไทยกัมพูชา