สมช.เคาะมติตั้งคกก.เฉพาะกิจแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา สั่งกองทัพพร้อมรับมือ

06 มิถุนายน 2568, 13:30น.


          น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2568 ที่ประชุมฯ ได้รับทราบพัฒนาการของสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา รวมทั้งการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมฯ ได้เตรียมพร้อมการกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และการสื่อสารทำความเข้าใจกับสังคมและประชาชน รวมถึงนานาชาติ เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างถ่องแท้ โดยให้จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาความมันคงบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ทำหน้าที่ติดตาม ประสานงาน และเสนอแนะมาตรการเพิ่มเติม หากฝ่ายกัมพูชามีการยกระดับปัญหา มอบให้กองทัพประสานการปฏิบัติ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ โดยให้ความสำคัญกัญกับการปกป้องอธิปไตยและการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพื่อประโยชน์สูงสุดในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ ดำเนินการโดยสอดคล้องกับแนวทางการเจรจาใน JBC ระหว่างไทย - กัมพูชา ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน 2568



          นอกจากนี้ ปรากฏการเผยแพร่ข่าวสารอันเป็นเท็จเพื่อปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง จึงได้มอบหมายกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมติดตามในการพิสูจน์ทราบข่าวและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องอย่างทันท่วงที โดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงกลาโหม เป็นหน่วยงานหลักในการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่



          นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวว่า เป็นการพูดคุยกันบนหลักการที่ว่าต้องยึดมั่นในหลักการปกป้องอธิปไตยของประเทศ และดำรงความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในส่วนของกองทัพขอยืนยันว่า เราพร้อมรักษาเอกราชอธิปไตยของประเทศ และบูรณภาพแห่งดินแดน ยืนยันว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีความตกลงและเห็นพ้องต้องกันว่า เรื่องอธิปไตยเป็นเรื่องสำคัญหลักที่เราจะต้องดูแลกันอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องอื่นๆ เราจะประคองให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีและไม่ให้เกิดการเสียประโยชน์ทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน เพราะเรายังมีภาระความจำเป็นที่ต้องมีความร่วมมือกันฉะนั้นความขัดแย้งอยากให้จำกัดวงมากที่สุด



          ด้านนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากทั้งสองประเทศมีสัมพันธ์ที่ดีมาอย่างยาวนาน จึวเห็นพ้องกันว่าให้ใช้กลไกที่เรามีอยู่ในปัจจุบันเป็นหลักในการเจรจา คือ ทวิภาคี ไม่ว่าจะเป็น JBC RBC GBC และเป้าหมายการเจรจาในวันที่ 14 มิ.ย.ที่จะเกิดขึ้นระหว่างคณะกรรมการร่วมของทั้งสองฝ่าย จะเน้นในเรื่องของจุดปะทะ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องที่มีการเผชิญหน้าและลดความตรึงเครียดในกรอบของกำลังทหารร่วมกัน อย่างไรก็ตาม JBC มีหน้าที่อยู่แล้วที่จะเจรจาเรื่องเขตแดน เพราะฉะนั้นจะดำเนินการไปพร้อมกัน ในส่วนของการชี้แจง จะมีการประสานกลไกร่วมกัน ทั้งในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ กองทัพบก และกระทรวงกลาโหม เพื่อสื่อสารออกไปให้ประชาชนเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างไปในทิศทางเดียวกัน รวมถึงในเรื่องของข่าวสาร ขอความกรุณาช่วยกันเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดยิ่งขึ้นไปมากกว่านี้ ขอยืนยันว่า การต่างประเทศและการทหารไปด้วยกันอย่างเป็นเนื้อเดียวกันแน่นอน



          พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) กล่าวว่า กองทัพสนับสนุนแนวทางของรัฐบาลในการแก้ปัญหาและคลี่คลายสถานการณ์แนวชายแดนไทย- กัมพูชาด้วยสันติวิธี ซึ่งกองทัพปฎิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการรักษาอธิปไตย และคุ้มครองปกป้องประชาชนตามแนวชายแดน ซึ่งได้ดำเนินการมาตลอด โดยในการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพในวันนี้ (6 มิ.ย.68) จะเป็นการประชุมตามวงรอบปกติทุกสองเดือน โดยจะมีการพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ไทย-กัมพูชาในลักษณะสนับสนุนแนวทางของรัฐบาลและ สมช. โดยการสื่อสารจะให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือกระทรวงการต่างประเทศ รัฐบาล และกระทรวงกลาโหม กองทัพในฐานะผู้ปฏิบัติงานขออนุญาตสงวนการให้ข้อมูลในส่วนของข่าวประชาสัมพันธ์



...



#ไทยกัมพูชา



#สภาความมั่นคงแห่งชาติ

#ทำเนียบรัฐบาล

ข่าวทั้งหมด

X