เมืองไทยฯ(2):ประมงพื้นบ้านสนับสนุนกม.คุมเรือประมง/ยธ.ประชุมปัญหาค้ามนุษย์/ประชุมกบง.พิจารณาราคาแอลพีจี

06 กรกฎาคม 2558, 08:44น.


กรณีรัฐบาลประกาศใช้มาตรการในการป้องกันยับยั้ง และขจัดการทำประมงผิดกฎหมาย หรือมาตรการไอยูยู เพื่อแก้ไขปัญหาที่สหภาพยุโรปหรือ อียูประกาศให้ใบเหลืองประเทศไทย เนื่องจากเรือประมงและอุปกรณ์จับปลา ไม่ได้มาตรฐานของอียู รวมถึงการจัดการปัญหาการทำประมงโดยผิดกฎหมาย โดยให้เร่งแก้ปัญหาภายใน 180 วัน หรือ 6 เดือน ไม่เช่นนั้นจะถูกให้ใบแดง และจะมีผลต่อการส่งออกสินค้าทางทะเลไปยังยุโรป



ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ยังคงยืนยันให้บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง



อย่างไรก็ตาม นายกำจร มงคลตรีลักษณ์ นายกสมาคมการประมงจังหวัดสมุทรสาคร เรียกร้องให้ผ่อนผันการออกอาชญาบัตรเรือประมงที่มีเครื่องมือเพื่อให้ออกเรือได้ จากนั้นทุกฝ่ายก็มาหารือร่วมกัน ว่าควรลดจำนวนเรือประมงหรือไม่ รวมทั้งการปรับปรุงเครื่องมือให้อยู่ตามเกณฑ์ และกำหนดวันออกเรือ อาทิ วันเว้นวัน เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรในทะเล ซึ่งผู้ประกอบการพร้อมร่วมมือกับรัฐบาล ส่วนแรงงานต่างด้าวในเรือประมงใน จ.สมุทรสาคร ผู้ประกอบการเรือประมงยังคงจ่ายค่าจ้างตามปกติ เพื่อรักษาแรงงานไว้



ทั้งนี้ ตลาดและแพปลาหลายแห่งมีอาหารทะเลขายในปริมาณที่ลดลง โดยเป็นปลาจากประมงพื้นบ้าน ส่วนเรือประมงที่ถูกต้องตามกฎหมายที่ยังออกทะเลตามปกตินั้น จะเป็นเรือใหญ่ที่ออกประมงครั้งละหลายวัน



นายสะมะแอ เจะมูดอ นายกสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ด่วนเรื่องการประมงทำลายล้างจะต้องหมดไปจากประเทศไทยสินค้าสัตว์น้ำปลอดภัยจะเพิ่มขึ้น โดยสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการบังคับใช้กฎหมายควบคุมเรือประมงผิดกฎหมาย ทั้งเรืออวนลาก อวนรุน และเรือปั่นไฟจับลูกปลา โดยระบุว่า เนื่องจากมีการผ่อนปรนมากว่า 30 ปี และส่วนใหญ่เป็นการทำประมงแบบธุรกิจของกลุ่มนักลงทุนโดยใช้เครื่องมือประมงที่ทำลายทรัพยากรสัตว์น้ำอีกทั้งยังลักลอบเข้ามาทำการประมงในเขต 3,000 เมตร หรือ 3 กม. จากชายฝั่ง ซึ่งเป็นเขตอนุรักษ์และเป็นพื้นที่ทำการประมงของชาวประมงพื้นบ้าน โดยหลายครั้งเกิดการกระทบกระทั่งกัน ถึงขั้นมีการทำร้ายชาวประมงพื้นบ้านและไล่ยิงกันกลางทะเล ซึ่งในความเป็นจริงนั้นการทำประมงในทะเลไทย ชาวประมงพื้นบ้านซึ่งเป็นคนในชุมชนท้องถิ่นมีจำนวนถึงร้อยละ 85 ของชาวประมงทั้งหมด แต่จับปลาในทะเลรวมกันได้เพียงแค่ร้อยละ 23 เท่านั้น และทั้งหมดส่งขายให้กับผู้บริโภค ส่วนปลาอีกร้อยละ 77 จับโดยนายทุนที่ใช้เครื่องมือขนาดใหญ่ และทำแบบผิดกฎหมาย เชื่อว่า หากสามารถยกเลิกการทำประมงเหล่านี้ได้ประเทศไทยจะสามารถแก้ปัญหาการส่งออกสินค้าสัตว์น้ำไปสหภาพยุโรปได้อย่างแน่นอน ซึ่งในการที่เรือประมงผิดกฎหมายจะต้องหยุดหาปลานั้น ทำให้สมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย เตรียมเปิดโครงการ "ปันน้ำใจจากชาวประมงพื้นบ้านสู่ผู้บริโภคในภาวะสัตว์น้ำขาดตลาด" เพื่อให้ประชาชนสามารถซื้อสัตว์น้ำในราคาที่เป็นธรรมโดยประสานกับเครือข่ายชาวประมงพื้นบ้าน และศูนย์ประสานงานในแต่ละจังหวัดได้โดยตรง



ส่วนปัญหาราคาอ้อยและน้ำตาลทรายในตลาดโลกที่ตกต่ำจนส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำตาลของไทย โดยขณะนี้มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 13 เซนต์ต่อปอนด์ จากราคาประเมิน 18 เซนต์ต่อปอนด์ ทำให้รายได้จากการส่งออกน้ำตาลของไทยลดลง เมื่อคำนวณในอุตสาหกรรมทั้งระบบ ราคาน้ำตาลขั้นปลายจะต่ำกว่าขั้นต้น คิดเป็นวงเงินติดลบกว่า 1 หมื่น 3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย (กท.) จะต้องจ่ายเพิ่มให้ชาวไร่ผ่านโรงงานน้ำตาลทรายที่สำรองจ่ายไปก่อน เพื่อให้ทันการผลิตฤดูกาลผลิต 2558/2559  ซึ่งนายวีระศักดิ์ ขวัญเมือง ผู้อำนวยการ กท. กล่าวว่า ขณะนี้กองทุนมีฐานะทางการเงินเป็นบวกประมาณ 1 หมื่น 2 พันล้านบาท แต่ต้องนำมาชำระหนี้เดือนละ 1 พันล้านบาท ทำให้ในแต่ละปี จะมีเงินเหลือประมาณ 5-6 พันล้านบาท



ในวันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เกี่ยวกับเนื้อหาการออก อากาศสกู๊ปข่าวเรื่องนักศึกษา กลุ่มดาวดินทางรายการ ที่นี่ Thai PBS



ส่วนการประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) โดย กสทช.จะเสนอร่างประกาศ หลักเกณฑ์การประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz เข้าที่ประชุม กทค. โดยเฉพาะการปรับราคาตั้งต้น



พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานประชุมเพื่อหามาตรการเร่งรัดกระบวนการดำเนินคดีค้ามนุษย์ที่กระทรวงยุติธรรม



ส่วนการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จะพิจารณาราคา ก๊าซแอลพีจีเดือนกรกฎาคมซึ่งคาดว่าจะตรึงราคาไว้ที่ 23.96 บาท/กก. เนื่องจากราคาตลาดโลกปรับลดไม่มาก



และความเคลื่อนไหวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ในวันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) นัดประชุม ก.ตร. เพื่อพิจารณาวาระเร่งด่วน ที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น) คัดค้านการลงมติของ ก.ตร. ที่มีผลให้เสียสิทธิในการได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ในการแต่งตั้งวาระประจำปี 2553



ส่วนกรณีลอบสังหารนายสมยศ สุธางค์กูร นักธุรกิจสถานบันเทิง เมื่อคืนวันที่ 29 มิถุนายนนี้ ซึ่งพล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า การที่ตำรวจ เรียกนางรัศมี สุธางค์กูร และ น.ส.ณัฐธิดา สุธางค์กูร ภรรยาและลูกสาว รวมทั้งทนายความของนายสมยศ มาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อหาเบาะแสปมสังหาร และตั้งประเด็นความขัดแย้งในครอบครัวเพิ่มขึ้นอีกประเด็น ทั้งนี้ ทีมสืบสวนคลี่คลายคดีเตรียมตัดประเด็นสังหารเรื่องข้อพิพาทฟ้องกันเรื่องที่ดินพระราม 9 ทิ้งออกไป เพราะศาลชั้นต้นและ ศาลอุทธรณ์ ตัดสินให้เจ้าของที่ดินชนะคดีทั้ง 2 ศาล ไม่น่ามีแรงจูงใจหรือมูลเหตุพอที่จะจ้างมือปืนมาสังหาร ขณะเดียวกัน ทีมสืบสวนสอบสวนนครบาลได้เบาะแสว่า ยังมีผู้อื่นที่รู้ความเคลื่อนไหวของนายสมยศเช่นกัน



ส่วนนายณัฐพล กันทะยอม บุตรชายที่ถูกพาดพิงว่าตัวเองมีปัญหาขัดแย้งกับบิดานั้น ยืนยันไม่เป็นความจริง แต่ไม่อยากแก้ต่างอะไร



และปิดท้ายที่ พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานบอร์ดการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด รฟม.เมื่อวันที่ 3 กรกรฎาคม 2558 พิจารณาแนวทางก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ตามที่มีการร้องเรียนกรณีที่ รฟม.จะรื้อสะพานข้ามแยกรัชโยธินก่อสร้างเป็นอุโมงค์ โดยใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี และที่ประชุมได้เห็นชอบที่จะไม่รื้อสะพานรัชโยธิน แต่จะยกการก่อสร้างรถไฟฟ้าจากระดับเดิม 16 เมตร ขยับขึ้นอีก 2 เมตร เป็นสูง 18 เมตร และจะมีสะพานข้ามแยกตามแนวถนนพหลโยธินขนานไปกลับข้างละ 1 ช่องจราจร โดยใช้โครงสร้างเดียวกับรถไฟฟ้า ซึ่งจะใช้เวลาก่อสร้างน้อยลง



 



*-*

ข่าวทั้งหมด

X