ในวันนี้ นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง จะจัดประชุมร่วมกับ 11 หน่วยงานเพื่อหารือการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เนื่องจากพบว่า การทำงานตามโครงการเป็นไปอย่างล่าช้าจึงต้องมีการทบทวนและปรับเปลี่ยนนอกจากนี้ยังต้องเร่งรัดเรื่องการจ้างงานเกษตรกรในเขตภาคเหนือ และภาคกลางที่กำลังประสบปัญหาภัยแล้ง และยังไม่สามารถปลูกข้าวได้
สำหรับงบประมาณที่สามารถนำมาช่วยภัยแล้ง มีทั้งงบประมาณที่เหลือจากปี 2557 ที่ยังเบิกจ่ายไม่หมด และงบประมาณในปี 2558 รวมถึงงบประมาณในปี 2559 สามารถนำมาใช้ได้ในอีก 2 เดือนข้างหน้า และสามารถใช้เงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ช่วยเหลือไปก่อน และตั้งงบประมาณคืนในปีถัดไป เหมือนกรณีจ่ายเงินให้ชาวนาไร่ละ 1,000 บาท วงเงิน 4 หมื่นล้านบาทได้ โดยคาดว่า ภัยแล้งที่เกิดขึ้นจะสร้างผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจร้อยละ 0.5
ส่วนเรื่องการแก้ไขปัญหาทุจริตและประพฤติมิชอบ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยว่า การประกาศคำสั่ง ของพล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้า คสช. โดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) ในการโยกย้าย ระงับการปฏิบัติหน้าที่ข้าราชการพลเรือนและนักการเมืองท้องถิ่นนั้น เป็นอำนาจของฝ่ายบริหารที่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปว่าบุคคลใดมีความผิด แต่เชื่อว่าผู้มีรายชื่อต้องไปทบทวนบทบาทหน้าที่จากผลของการปฏิบัติงานในอดีต เพื่อรับผิดตามข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ที่สำคัญ สตง.ยังมีรายชื่อ นักการเมืองท้องถิ่น ข้าราชการประจำอีกจำนวนมากที่เข้าข่ายการทุจริตประพฤติมิชอบ ซึ่งรอเสนอ คสช.ประกาศรายชื่อครั้งต่อไป
ส่วนความคืบหน้ากรณีการไต่สวนข้อเท็จจริงการทุจริตโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ(ทดแทน) จำนวน 396 แห่ง โดยมิชอบ นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่ามีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อพระสุเทพ ปภากโร หรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณไปแล้ว และ ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนที่ให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งพระสุเทพเข้ามาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อป.ป.ช.แล้ว 2 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีมติของคณะกรรมการป.ป.ช.ให้ขยายการไต่สวนเพิ่มเติมไปถึงพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ต่อไป
นายวิชา กล่าวด้วยว่า จะเร่งทำงานให้เสร็จสิ้นก่อนที่กรรมการป.ป.ช.หลายคนจะพ้นวาระในเดือนตุลาคมนี้
กรณีการเคลื่อนไหวต่อต้าน คสช. ซึ่งพล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเรียกร้องประชาธิปไตยอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจได้ แต่ไม่เป็นไปด้วยเหตุและผล เพราะถ้าวันนี้หยุดทุกอย่างแล้วให้มีการเลือกตั้ง ปัญหาเก่าที่นำมาซึ่งความขัดแย้งก็จะกลับมาอีก การออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องตอนนี้จึงเป็นการกระทำที่ไม่สอดคล้องกับจังหวะเวลา จึงขอให้ทำความเข้าใจข้อเท็จริง ส่วนเรื่องการจับกุมกลุ่มนักศึกษา 14 คน ในนามกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มไม่ขอประกันตัวนั้น พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า หากไม่ขอประกันตัวก็เป็นเรื่องของนักศึกษา
ขณะที่พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม และหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คสช.กล่าวว่า การจับกุมนักศึกษาครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรียกร้องการต่อสู้เป็นตัวแทนให้กับชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน แต่เป็นเพราะต่อต้านรัฐประหาร ซึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ก็ต้องทำตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เข้าใจว่านักศึกษา ทั้ง 14 คน มีความบริสุทธิ์ใจ คสช.จึงพยายามช่วยเหลือ และทำความเข้าใจ แต่เมื่อให้ประกันตัวก็ไม่ยอมประกันตัว จึงขอให้ทบทวนตัวเองด้วยเช่นกัน
ด้านนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของนักศึกษากลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ กล่าวว่า ยินดีที่จะนำข้อความเห็นของรัฐบาลไปแจ้งให้นักศึกษาทราบในวันนี้ ที่มีกำหนดพบนักศึกษาเพื่อฟังการสอบสวนของพนักงานสอบสวนที่นัดไว้ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แต่การตัดสินใจต่อข้อเสนอใดๆ ยังขึ้นอยู่กับนักศึกษา
แต่เย็นวันนี้ กลุ่มพลเมืองโต้กลับ Resistant Citizen นัดชุมนุมที่กำแพงประวัติศาสตร์ มหาวิทยาธรรมศาสตร์ เพื่อให้กำลังใจกลุ่มนักศึกษา 14 คน
ส่วนเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) เตรียมเคลื่อนไหวในวันที่ 9 กรฎาคมนี้ โดยเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติระงับร่างกฎหมายปิโตรเลียมที่เสนอโดยกระทรวงพลังงาน และต้องการให้ถอนเรื่องออกจากการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา เนื่องจากขณะนี้ร่างพ.ร.บ.ปิโตรเลียมฯ และร่างพ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา เพราะครม.ได้ลงมติอนุมัติในหลักการของร่างกฎหมายทั้งสองฉบับแล้ว หากคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาผ่านกฎหมายก็จะส่งต่อไปที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาเห็นชอบเพื่อตรากฎหมายออกมาเป็นพระราชบัญญัติได้ทันที โดยไม่ต้องส่งกลับไปที่ ครม.อีก หากการดำเนินการแล้วเสร็จ จะสามารถเดินหน้าสำรวจปิโตรเลียมรอบที่ 21 ได้ทันทีประมาณช่วงเดือนกรกฎาคมนี้
ส่วนกรณีที่กระทรวงพาณิชย์เปิดประมูลข้าวสารในสต็อกรัฐบาลหลายครั้งที่ผ่านมา แต่ผู้ชนะการประมูลบางรายยังไม่สามารถขนข้าวสารออกจากโกดัง หรือคลังสินค้าที่ซื้อได้ เพราะข้าวไม่ได้คุณภาพข้าวเหมือนที่ไปดูก่อนการเปิดประมูลเมื่อ 1 ปีก่อน จึงมีการร้องเรียนไปที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) ซึ่งเป็นคู่สัญญาให้หาแนวทางแก้ไข โดยเมื่อสัปดาห์ก่อน อคส.ร่วมกับบริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าวกลาง (เซอร์เวย์กลาง) ที่ อคส.ว่าจ้างให้มาตรวจสอบคุณภาพ และตัวแทนจากจังหวัด หัวหน้าคลังสินค้าของ อคส.ประจำจังหวัด เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้าวที่โกดังตามที่ได้รับเรื่องร้องเรียน พบว่าเจ้าของโกดังบางแห่งมีพฤติกรรมก้าวร้าวข่มขู่ผู้ซื้อ และผู้ตรวจสอบจนไม่สามารถหาข้อยุติได้ แต่ก็มีหลายแหงที่เจ้าของโกดังยินดีจะปรับปรุงคุณภาพ และผู้ซื้อจะทยอยรับมอบข้าวได้ในเร็วๆ นี้
*-*