บีบีซีรายงานว่า นายอัลวาโร เปเรรา หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ(OECD) เปิดเผยว่า OECD ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในกรุงปารีส ฝรั่งเศส เผยแพร่รายงานใหม่ในวันนี้(3 มิ.ย.) เตือนว่า นโยบายภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะกระทบการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการปรับเพิ่มภาษีศุลกากรสำหรับสินค้านำเข้าจากจีนและประเทศอื่นๆจะทำให้การค้าทั่วโลกชะลอตัว
โดย OECD คาดว่า อัตราการเติบโตของ GDP ทั่วโลกจะลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.9 ในปีนี้(2568) ลดจากตัวเลขคาดการณ์ครั้งก่อนคือ ร้อยละ 3.1และจะลดมาที่ร้อยละ 2.6 ในปีหน้า (2569) หากนโยบายภาษีศุลกากรของรัฐบาลทรัมป์ถูกนำมาใช้กับประเทศอื่นๆทั่วโลกอย่างเต็มรูปแบบ
ผลกระทบจากนโยบายภาษีดังกล่าวจะทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้น อัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้นและกำลังซื้อของผู้บริโภคจะลดลง รวมทั้งในสหรัฐฯ ซึ่ง OECD คาดว่า GDP ของสหรัฐฯอาจลดลงร้อยละ 1.6 ในปีนี้ (2568) ลดจากตัวเลขคาดการณ์เดิม ร้อยละ 2.2 ขณะที่ประเทศคู่ค้าอื่นๆเช่น จีนและกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)จะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะจีน OECD คาดว่า GDP ของจีนจะเติบโตร้อยละ ร้อยละ 4.7 ในปีนี้(2568)จากอัตราการเติบโตที่ร้อยละ 5 ในปีที่แล้ว(2567)และคาดว่าอัตราการเติบโตของ GDP ของจีนจะลดมาอยู่ที่ร้อยละ 4.3 ในปีหน้า(2569) นอกจากนั้น มาตรการทางภาษีของสหรัฐฯจะกระทบห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกและเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับตลาดทั่วโลก
OECD เสนอแนะให้สหรัฐฯและบรรดาประเทศคู่ค้า เปิดการเจรจาทางการค้า เพื่อลดผลกระทบจากนโยบายปกป้องตลาดของสหรัฐฯ พร้อมทั้งเสนอแนะให้สหรัฐฯพิจารณานโยบายส่งเสริมการค้าเสรี เพื่อรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว
#OECD
#รายงานเศรษฐกิจโลก