การติดตามจับกุมผู้ต้องหา 5 ราย แก๊งทรชนก่อเหตุร่วมกันปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางของกรมศุลกากร อุกอาจถอยรถชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ขณะเข้าสกัดเหตุทำให้เสียชีวิต พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.), พร้อมเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรและการท่าเรือแห่งประเทศไทย แถลงความคืบหน้าหลังเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายจำนวนประมาณ 6 ราย ขับรถตู้เข้ามาบริเวณโกดังสเตเดียม ถนนท่าเรือ 1 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร และลงมืองัดตู้คอนเทนเนอร์ภายในโกดัง เพื่อทำการลักทรัพย์ (บุหรี่ไฟฟ้า) โดยมี นายบุญนาค สวัสสุข เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของการท่าเรือ เป็นผู้พบเห็นเหตุการณ์ และพยายามเข้าระงับเหตุ ขณะนั้นกลุ่มคนร้ายได้พากันขึ้นรถตู้พยายามหลบหนีจากจุดเกิดเหตุ และได้ขับรถถอยพุ่งชนรถจักรยานยนต์ ของนายบุญนาค ขณะที่นายบุญนาคกำลังขับขี่ไล่ติดตามกลุ่มคนร้าย ทำให้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
นอกจากนี้คนร้ายยังได้ขับรถเฉี่ยวชนรถกระบะของประชาชนที่ขับขี่ผ่านมาในบริเวณที่เกิดเหตุส่งผลให้รถกระบะได้รับความเสียหายไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นผู้ต้องหาได้นำของกลางไปฝากไว้กับนายดิศรณ์ หรือเจ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมเพิ่ม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว 5 ราย ประกอบด้วย
1. นายนรินทร์ หรือ เบิร์ด อายุ 46 ปี
2. นายธนทร หรือ จี อายุ 41 ปี
3. นายภียกร หรือ คิง อายุ 27 ปี
4. นายเอกชัย หรือ เอกบอด อายุ 42 ปี
5. นายสุวัฒน์ หรือ เล็ก อายุ 42 ปี
จากฐานความผิด “ร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน สถานที่ราชการหรือสถานที่ที่จัดไว้เพื่อให้บริการสาธารณะที่ตนได้เข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยทำอันตรายสิ่ง กีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกัน ตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ,ร่วมกันบุกรุกเคหสถาน อาคารเก็บรักษาทรัพย์หรือสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่น ในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยกระทำความผิดร่วมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และซ่องโจร”
ตลอดจนสามารถติดตามตรวจยึดรถตู้คันที่ใช้ก่อเหตุและของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 493 ชิ้น รวมมูลค่าประมาณ 65,820 บาท จากนายดิศรณ์ อายุ 41 ปี ซึ่งต้องหากระทำความผิดฐาน “รับของโจรฯ” ส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าเรือ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะที่นายสิทธิศักดิ์ หรือ แบงค์ อายุ 38 ปี ผู้ต้องอีก 1 ราย ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ท่าเรือ ได้ควบคุมตัวนายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ อายุ 38 ปี ตัวการหลักในการก่อเหตุ ที่หลบหนีก่อนหน้านี้ ได้แล้ว โดยนำตัว มาสอบปากคำที่ห้องสืบสวนสน.ท่าเรือ โดยมีพล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น.,พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5, พ.ต.อ.ศิรณวิชญ์ อินทร ผกก.สส.บก.น.5 ร่วมสอบปากคำ
ผู้ต้องหาอีก 5 ราย ให้การคล้ายกันว่า ตัวการหลักในการก่อเหตุครั้งนี้คือ นายแบงค์ ที่เป็นคนชักชวนรวบรวมทุกคนมาร่วมกันก่อเหตุ ซึ่งยังไม่มีการให้การถึงส่วนแบ่งผลประโยชน์ โดยทั้ง 5 รายยืนยันว่า กระทำครั้งแรก แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ ส่วนรถตู้ที่ใช้ก่อเหตุเป็นรถของนายแบงค์
สำหรับพื้นที่โกดังสเตเดียม เป็นพื้นที่เปิดปกติจะมีการแข่งฟุตซอล ซึ่งคนทั่วไปก็สามารถเข้าไปได้ โดยจุดนี้เป็นพื้นที่ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย แต่กรมศุลกากรไปเช่าพื้นที่บางส่วนเพื่อเก็บของกลางที่ตรวจยึดมาจากหลายส่วน
พล.ต.อ.ประจวบ กล่าวเสริมว่า ประเด็นว่ามีคนชี้เป้าหรือไม่ก็เป็นประเด็นที่ตนสงสัยเช่นเดียวกัน แต่พบว่ากลุ่มคนร้ายมีการสุ่มเปิดหลายตู้ หากเจาะจงเปิดตู้บุหรี่ไฟฟ้าเลย ก็จะสงสัยว่าต้องมีเจ้าหน้าที่เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ทิ้งประเด็นนี้จะสืบสวนขยายผลต่อไป เพราะตัวนายแบงค์ พบว่ามีพฤติการณ์ในการ จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านช่องทางออนไลน์ และเป็นเป้าหมายที่อยู่ในการติดตามของเจ้าหน้าที่อยู่ด้วย ซึ่งตอนนี้บุหรี่ไฟฟ้าหายากขึ้นซื้อขายผ่านทางออนไลน์ไม่สะดวก อาจทำให้นายแบงค์ต้องหาช่องทางในการมาขโมยของกลาง ดังนั้น หากได้ตัวนายแบงค์ข้อเท็จจริงหลายส่วนก็คงจะปรากฏ
#ขโมยบุหรี่ไฟฟ้า