ศูนย์วิจัยพลังงานและอากาศสะอาด (CREA) ของฟินแลนด์ และสถาบันคีลเพื่อเศรษฐกิจโลกของเยอรมนี (Kiel Institute for the World Economy) เปิดเผยรายงานที่ระบุว่า การที่ชาติตะวันตกยังคงนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ทำให้รัสเซียมีรายได้หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯสำหรับใช้จ่ายสนับสนุนการทำสงครามกับยูเครนซึ่งเข้าสู่ปีที่ 4 แล้วในปีนี้ (2568) โดยนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนในเดือนก.พ.2565 รายได้จากการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย สูงกว่ามูลค่าความช่วยเหลือด้านอาวุธที่ยูเครนได้รับจากสหรัฐฯและพันธมิตรชาติตะวันตกถึงสามเท่า
ที่ผ่านมา ประเทศสมาชิกกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ยังคงนำเข้าก๊าซธรรมชาติผ่านท่อส่งก๊าซจากรัสเซียเรื่อยมาจนถึงเดือนม.ค.ปีนี้(2568) และน้ำมันดิบถูกส่งไปยังรัฐสมาชิกบางประเทศเช่น ฮังการีและสโลวาเกีย รวมถึงท่อส่งก๊าซที่ส่งผ่านตุรกี เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.77 ระหว่างเดือนม.ค.ถึงก.พ.ปีนี้(2567) เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แม้จะถูกนานาชาติคว่ำบาตร แต่จนถึงวันที่ 29 พ.ค.68 รัสเซียมีรายได้กว่า 883,000 ล้านยูโร (หรือ 973,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)จากการส่งออกเชื้อเพลิงฟอสซิลตั้งแต่เริ่มบุกยูเครนในปี 2565 รวมถึงเงินทุน 228,000 ล้านยูโรที่ถูกธนาคารต่างๆของกลุ่มอียูให้อายัดไว้หลังรัสเซียบุกยูเครน ในจำนวนนี้ รายได้ก้อนใหญ่ราว 209,000 ล้านยูโรมาจากการขายเชื้อเพลิงฟอสซิลให้กับรัฐสมาชิกอียู
ขณะเดียวกัน นักรณรงค์ต่อต้านสงครามในยูเครน เช่น นางไม รอสเนอร์ (Mai Rosner) จากเอ็นจีโอชื่อ Global Witness เรียกร้องให้รัฐบาลในยุโรปและอเมริกาเหนือ หยุดสั่งซื้อน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติรัสเซีย เพื่อตัดเส้นทางสร้างรายได้ของรัสเซีย และกดดันให้รัสเซียยอมเจรจาสันติภาพกับยูเครน
…
#น้ำมันรัสเซีย
#สงครามยูเครน