นางคาจา คัลลาส นักการทูตระดับสูงของสหภาพยุโรป กล่าวว่า อิสราเอลโจมตีฉนวนกาซาอย่างหนักเกินกว่าที่จำเป็นในการต่อสู้กับกลุ่มฮามาส ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตในพื้นที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้สหภาพยุโรปยังไม่สนับสนุนการแจกจ่ายความช่วยเหลือรูปแบบใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และอิสราเอล เพราะความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไม่สามารถนำไปใช้เป็นอาวุธได้
รูปแบบใหม่ของการแจกจ่ายความช่วยเหลือ จะเป็นการตั้งศูนย์แจกจ่ายเพื่อให้ผู้รับความช่วยเหลือเดินทางมารับสิ่งของ โดยที่ต้องผ่านการตรวจสอบและยืนยันบุคคล ซึ่งทำให้สหประชาชาติและองค์กรด้านมนุษยธรรมอื่นๆ ไม่เห็นด้วย เพราะทำให้ประชาชนในพื้นที่ขัดแย้งเสี่ยงตกเป็นเป้าหมายการโจมตีมากขึ้น ทั้งยังมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติ
กระทรวงสาธารณสุขของกลุ่มฮามาสระบุว่าการโจมตีของอิสราเอล นับตั้งแต่เดือนมีนาคม (2568) เป็นต้นมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3,924 ราย ซึ่งอิสราเอล ย้ำว่าเป็นปฏิบัติการเพื่อทำลายกลุ่มฮามาสและนำตัวประกันกลับบ้าน
ก่อนหน้านี้ นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวว่าการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนในฉนวนกาซา เป็นการกระทำที่ "น่ารังเกียจ" และเกินกว่าเหตุ
ส่วนนายกรัฐมนตรีฟรีดริช แมร์ซ แห่งเยอรมนี แสดงความเห็นว่าเขาไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของอิสราเอลในการปิดล้อมพื้นที่ เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนพลเรือนนั้น รุนแรงเกินกว่าการอ้างว่า เพื่อปราบปรามกลุ่มฮามาสอธิบายได้อีกต่อไป
สหภาพยุโรปเป็นผู้บริจาครายใหญ่ให้กับกาซา แต่ความช่วยเหลือส่วนใหญ่ไม่สามารถไปถึงชาวปาเลสไตน์ เนื่องจากอิสราเอลปิดล้อมกาซาอย่างสมบูรณ์เมื่อเดือนมีนาคม และเริ่มให้ความช่วยเหลือเพียงเล็กน้อยหลังจากผ่านไป 11 สัปดาห์
นอกจากนี้ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และแคนาดา ยังเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการโจมตีฉนวนกาซา ซึ่งต่อมาสหราชอาณาจักรประกาศระงับการเจรจาการค้ากับอิสราเอล
...
#ยุโรป
#อิสราเอล
#ฉนวนกาซา