ศ.วิจัยกสิกร มอง 2ปัจจัย ทุบตลาดอาหาร-เครื่องดื่ม ปี68 โตเพียง 2.8%

26 พฤษภาคม 2568, 15:51น.


          ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ในปี 2568 ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 646,000 ล้านบาท เติบโต 2.8% จากปี 2567 ซึ่งเป็นการปรับลดจากคาดการณ์เดิมที่เติบโต 4.6% หรือมีมูลค่า 657,000 ล้านบาท โดยการปรับลดคาดการณ์การเติบโตของธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มมาจาก 2 ปัจจัยสำคัญ คือ



          1. เศรษฐกิจไทยเติบโตชะลอลงกระทบกำลังซื้อรวมถึงค่าใช้จ่ายในร้านอาหาร แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ยังมีความไม่แน่นอนสูง สร้างความเสี่ยงต่อภาวะการมีงานทำและกำลังซื้อของผู้บริโภค ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม



           2. ภาคการท่องเที่ยวที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีนี้เสี่ยงไม่เติบโต ในช่วงต้นปี 2568 ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยเผชิญกับปัจจัยลบกระทบการเติบโต สะท้อนได้จากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 11 พฤษภาคม 2568 นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยหดตัว 1% (YoY) หรือมีจำนวน 12.9 ล้านคน และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ขณะที่คนไทยเที่ยวในประเทศแม้ยังมีทิศทางขยายตัวแต่จากปัจจัยเศรษฐกิจทำให้นักท่องเที่ยวบางกลุ่มระมัดระวังการใช้จ่าย





          อย่างไรก็ดี ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มยังมีปัจจัยสนับสนุนจากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่คุ้นชินกับการทานอาหารนอกบ้านและการสั่งมารับประทานมากขึ้น รวมถึงร้านอาหารและเครื่องดื่มแบรนด์ใหม่ที่เข้ามาทำตลาด การขยายสาขาของผู้ประกอบการ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการร้านอาหารยังได้จัดโปรโมชั่นกระตุ้นตลาดร่วมกับพันธมิตรอย่างแอปพลิเคชั่นจัดส่งอาหารไปยังที่พัก (Food Delivery Application) เพื่อเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้และกระตุ้นยอดขาย



          ปี 2568 ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และเล็ก (บุคคล) รวมถึงผู้ประกอบการรายใหม่ ยังให้ความสนใจเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ร้านอาหารเอเชียโดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่น ตลาดพรีเมียมยังเป็นตลาดที่ผู้ประกอบการให้ความสนใจ



          ข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2568 ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มมีการจดทะเบียนจัดตั้งกิจการใหม่ 973 ราย แม้จะลดลง 11.0% (YoY) แต่ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มเป็นธุรกิจที่มีการเปิดใหม่มากติดอันดับ 1 ใน 5 ของกิจการที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งกิจการใหม่ในทุกปี



          โดยในปี 2568 คาดว่าร้านอาหารและเครื่องดื่มทั่วประเทศจะมีจำนวนกว่า 6.9 แสนร้าน (ซึ่งยังไม่นับรวมร้านอาหารและเครื่องดื่มประเภทอื่นๆ อาทิ ร้านข้างทางที่เป็นรถเข็นไม่มีหน้าร้านหรือที่ตั้งถาวร ร้านฟู้ดทรัค และร้านรูปแบบ Ghost Kitchen ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก)



           การลงทุนของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เนื่องจากเป็นพื้นที่ศักยภาพ จากข้อมูลของ LINE MAN Wongnai พบว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2568 พื้นที่กรุงเทพมหานครมีร้านอาหารเปิดใหม่เพิ่มขึ้น 4.8% จาก ณ สิ้นปี 2567 โดยพื้นที่ที่มีจำนวนร้านอาหารและเครื่องดื่มสูงส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชุมชนและที่อยู่อาศัย โดยเขตที่มีการกระจุกตัวสูงของร้านอาหารและเครื่องดื่ม 5 อันดับแรก ได้แก่ จตุจักร ปทุมวัน ประเวศ พระนคร ลาดกระบัง



          เนื่องจากภาวะการแข่งขันในธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มที่สูง ทำให้การลงทุนใหม่อาจยังต้องระวัง ทั้งนี้ผู้ประกอบการมีจำนวนมาก เทรนด์ร้านอาหารและเครื่องดื่มใหม่มีผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้ผู้ประกอบการมีการปรับโมเดลการทำธุรกิจ โดยการสร้างแบรนด์ใหม่ หรือการรีแบรนด์เดิมเพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์ แต่กระนั้นก็ดี ผู้ประกอบการบางรายมีการปิดสาขาหรือร้านที่ไม่สามารถแข่งขันได้ ทั้งนี้ การแข่งขันในธุรกิจที่รุนแรงก็ทำให้เกิดการปิดกิจการจำนวนไม่น้อยเช่นกัน



          ขณะที่เทรนด์รูปแบบการลงทุนในธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มในปี 2568 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองไว้ 3 กลุ่ม ดังนี้



          ร้านอาหารและเครื่องดื่มรูปแบบร่วมสมัย หรือ Contemporary Casual กำลังเป็นที่นิยม และเป็นโมเดลร้านอาหารที่ตอบโจทย์เทรนด์สมัยใหม่ เช่น การจัดรูปแบบร้านอาหารแนวมินิมอล สร้างประสบการณ์ที่มีเอกลักษณ์ ผ่านการสร้างแบรนด์ให้สอดคล้องกับกระแสความต้องการของผู้บริโภค เช่น การนำเสนอเมนูใหม่ๆ การผสมผสานวัฒนธรรมผ่านการประยุกต์ใช้วัตถุดิบอาหารจากท้องถิ่นในขณะที่ยังคงรักษาราคาที่เหมาะสม และมีระดับราคาที่หลากหลาย โดยกลุ่มผู้ประกอบการกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Young Entrepreneur) โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้ากลุ่ม Gen Z



          ร้านอาหารและเครื่องดื่มแบรนด์จากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดมากขึ้น ผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงเบเกอรี่แบรนด์ในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย ให้ความสนใจในการเข้ามาทำตลาดและขยายสาขาในไทยมากขึ้น ทั้งรูปแบบการร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการไทยและการซื้อแฟรนไชส์เข้ามาบริหาร



           ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มยังได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง โดย ไตรมาสแรกของปี 2568 มูลค่าทุนจดทะเบียนธุรกิจร้านอาหารจากชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นกว่า 542 ล้านบาท จากมูลค่าสะสม ณ สิ้นปี 2567



           สตรีตฟู้ด แนวโน้มโตมากที่สุด



          ในปี 2568 คาดว่า มูลค่าตลาดร้านอาหาร (รวมร้านอาหารประเภทร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ ร้านอาหารที่ให้บริการจำกัด และร้านอาหารข้างทางหรือ Street Food ที่มีหน้าร้าน) จะมีมูลค่ารวมประมาณ 562,000 ล้านบาท เติบโต 3.0% จากปี 2567 การเติบโตของร้านอาหารแต่ละรูปแบบมีปัจจัยเฉพาะที่ต่างกัน



          ร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ (Full Service Restaurants) คาดว่าจะเติบโต 1.1% จากปี 2567 หรือมีมูลค่า 209,000 ล้านบาท กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ จากการที่ผู้บริโภคมีการปรับลดค่าใช้จ่ายหรือความถี่ในการทานอาหารนอกบ้าน



          ขณะที่กลุ่มร้านอาหารประเภทบุฟเฟต์ยังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคที่มองเรื่องความคุ้มค่า เช่นเดียวกับกลุ่มร้านอาหารประเภทอะลาคาร์ท อย่างร้านกลุ่ม Contemporary Casual Dining อาทิ ร้านอาหารญี่ปุ่น เกาหลี ไทย ตามไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป



          ร้านอาหารที่ให้บริการจำกัด (Limited Service Restaurants) คาดว่าจะเติบโต 2.7% จากปี 2567 หรือมีมูลค่า 92,000 ล้านบาท การขยายตัวจะมาจากการขยายสาขาของผู้ประกอบการอย่างกลุ่มไก่ทอดและพิซซ่า รวมถึงผู้ประกอบการที่ให้บริการในรูปแบบ Full Service ได้ปรับรูปแบบร้านอาหารมาเป็นแบบ Quick Service มากขึ้น และการจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขายต่อเนื่อง



          ร้านอาหารข้างทาง (Street Food) ที่มีหน้าร้าน คาดว่าจะเติบโต 4.7% จากปี 2567 หรือมีมูลค่า 261,000 ล้านบาท ร้านอาหารต้นตำรับ ที่เปิดมานานมีเอกลักษณ์และยังสามารถรักษากระแสนิยม อีกทั้งเป็นเมนูพื้นฐานที่เข้าถึงได้ง่ายและราคาไม่สูง ทำให้ร้านอาหารกลุ่มนี้มีแนวโน้มเติบโตกว่ากลุ่มอื่น กอปรกับร้านอาหารแนว Street Food ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงการทำการตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ช่วยหนุนร้านอาหารกลุ่มนี้





          มูลค่าตลาดร้านเครื่องดื่ม (รวมร้านเบเกอรี่และไอศกรีม) จะมีมูลค่ารวมประมาณ 84,200 ล้านบาท เติบโต 1.9% จากปี 2567 การเติบโตส่วนหนึ่งมาจากการขยายสาขาของผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่ และผู้ประกอบการรายเล็ก (บุคคล) ที่ยังมีการเปิดร้านใหม่ รวมถึงการขยายแฟรนไชส์ร้านเครื่องดื่มของชาวต่างชาติที่น่าจะเข้ามาทำตลาดในไทยมากขึ้น



          นอกจากนี้ เครื่องดื่มและเบเกอรี่ใหม่ ๆ จากต่างประเทศที่เข้ามาทำตลาด มีส่วนกระตุ้นความต้องการบริโภคเครื่องดื่มและเบเกอรี่มากขึ้น รวมถึงกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพพรีเมี่ยมที่ได้รับความนิยม



          ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มอง 2 ความเสี่ยงที่ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มต้องเผชิญ มีดังนี้



        1.ต้นทุนการดำเนินธุรกิจมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น  ต้นทุนรอบด้านของธุรกิจร้านอาหารมีแนวโน้มสูงขึ้น ทั้งค่าแรงที่มีสัดส่วนประมาณ 15% ของต้นทุน ขณะที่ค่าสาธารณูปโภคและค่าเช่ามีสัดส่วนรวมกันกว่า 20% ของต้นทุนรวม รวมถึงต้นทุนที่สำคัญ คือ ราคาวัตถุดิบอาหารซึ่งคิดเป็นประมาณ 35% ของต้นทุน ยังมีทิศทางผันผวนและทรงตัวสูง



          ต้นทุนรอบด้านของธุรกิจร้านอาหารมีแนวโน้มสูงขึ้น ทั้งค่าแรงที่มีราคาวัตถุดิบในการประกอบอาหารหลายประเภทมีความผันผวนและมีการปรับตัวสูงขึ้น จากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงมีผลต่อผลผลิต นอกจากนี้นโยบายภาษีจากสงครามการค้าที่ทำให้ราคาสินค้าบางประเภทสูงขึ้น



          ราคาวัตถุดิบในประเทศปรับขึ้นหลายรายการ เช่น ไข่ไก่ และเนื้อหมูสด ขณะที่กลุ่มวัตถุดิบอาหารที่ต้องนำเข้า อาทิ นมผง เนย ชีส แป้งสาลี โกโก้ และเมล็ดกาแฟ แม้จะปรับตัวลดลงจากในช่วงต้นปี 2568 แต่ราคายังผันผวนในระดับสูง ทำให้กลุ่มร้านเครื่องดื่ม ร้านเบเกอรี่และอาหารตะวันตกจะเป็นกลุ่มได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก



         2.พฤติกรรมของผู้บริโภคที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น



        ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม โดย 5 ปัจจัยสำคัญ “ความแปลกใหม่ + ประสบการณ์ + คุณภาพ + สุขภาพ + ราคาสมเหตุสมผล” ได้กลายมาเป็นมาตรฐานใหม่ของผู้บริโภคในปัจจุบัน และเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคที่ไม่ได้มีรูปแบบตายตัว ความจงรักภักดีต่อแบรนด์ต่ำและเปลี่ยนแปลงตามกระแสอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับรูปแบบธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว



         ขณะที่ ด้วยตลาดที่การแข่งขันสูงจากจำนวนผู้ให้บริการที่มีมาก การรักษาผลกำไรของธุรกิจให้ได้อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง จึงยังเป็นโจทย์ที่ท้าทายของผู้ประกอบการทุกคน

ข่าวทั้งหมด

X