ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ขู่ว่าจะจัดเก็บภาษีสินค้าจากสหภาพยุโรปร้อยละ 50 โดยในโพสต์บนทรูธโซเชียล ระบุว่า อุปสรรคการค้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม บทลงโทษทางธุรกิจที่ไร้สาระ การจัดการทางการเงิน คดีความที่ไม่เป็นธรรมและไม่มีเหตุผลต่อบริษัทของอเมริกา และอื่นๆ อีกมากมาย ส่งผลให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าปีละมากกว่า 250,000,000 เหรียญสหรัฐฯ ถือเป็นตัวเลขที่ยอมรับไม่ได้อย่างยิ่ง นอกจากนี้การเจรจาการค้าระหว่างสองประเทศยังไม่มีความคืบหน้าดังนั้น เขาจึงเสนออัตราภาษีศุลกากรที่ร่อยละ 50 ต่อสหภาพยุโรป เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน นี้
ต่อมาในการลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เขาไม่ได้กำลังมองหาข้อตกลงกับสหภาพยุโรป แต่หากจะมีการส่งตัวแทนมาเจรจาก็อาจให้เลื่อนกำหนดเวลาบังคับใช้มาตรการภาษีออกไปได้อีกเล็กน้อย
นายมาโรช เซฟโควิช กรรมาธิการยุโรปด้านการค้าได้หารือกับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และเปิดเผยว่า ข้อตกลงระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ จะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน ไม่ใช่การคุกคาม สหภาพยุโรปมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะบรรลุข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย และพร้อมที่จะมีการทำงานร่วมกันด้วยความสุจริตใจ
ด้านนายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวถึงความคืบหน้าการเจรจากับประเทศต่างๆ ว่าดำเนินไปอย่างราบรื่น ประเทศในเอเชียหลายแห่งได้นำเสนอข้อตกลงที่ดีมาก โดยมีคู่ค้าที่สำคัญ 18 ราย ซึ่งเขาย้ำว่า นอกจากสหภาพยุโรปแล้ว ประเทศอื่นๆ ส่วนใหญ่กำลังเจรจากันด้วยความจริงใจ คาดว่าในอีกสองสามสัปดาห์ข้างหน้า จะมีการประกาศข้อตกลงใหญ่หลายรายการ
....
#เศรษฐกิจ
#สหรัฐอเมริกา
#สหภาพยุโรป
#การเจรจาการค้า