นายเจมี ไดมอน ซีอีโอของธนาคาร เจพี มอร์แกนของสหรัฐฯ เตือนความเสี่ยงที่สหรัฐฯอาจจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว พร้อมกับเงินเฟ้อและการว่างงานสูงขึ้น โดยระบุว่า ความเสี่ยงนี้เกิดจากปัจจัยต่างๆเช่น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การขาดดุลการค้าจำนวนมากและแรงกดดันจากราคาสินค้าแพงขึ้น ในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กของสหรัฐฯในการประชุม Global China Summit ในนครเซี่ยงไฮ้ในวันนี้(22 พ.ค.) นายไดมอน กล่าวว่าเขาไม่เชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะอยู่ในจุดที่เข้มแข็ง และมองว่าอาจจะเข้าสู่ภาวะชะลอตัวหนักกว่าที่หลายฝายคาดการณ์ไว้ด้วย
นอกจากนี้ นายไดมอนได้สนับสนุนการตัดสินใจของธนาคารกลาง(เฟด)ของสหรัฐฯในการตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม ระหว่างร้อยละ 4.25-4.50 ในปีนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีศุลกากรของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯและทั่วโลก โดยนายไดมอนชื่นชมว่าเฟดทำในสิ่งที่ถูกต้อง โดยรอดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจก่อนตัดสินใจปรับนโยบายอัตราดอกเบี้ย ก่อนหน้านี้ เฟดระบุเมื่อต้นเดือนนี้ว่า มีความเสี่ยงที่เงินเฟ้อและอัตราการว่างงานของสหรัฐฯจะสูงขึ้น ซึ่งอาจจะกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯในปีนี้
นายไดมอนแสดงความเป็นกังวลเรื่องการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ พร้อมแนะนำว่า รัฐบาลทรัมป์ควรจะแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง และอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนบางส่วนลดการถือครองสินทรัพย์ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากความไม่แน่นอนในเรื่องการค้าระหว่างสหรัฐฯกับประเทศจีน แม้ว่าการเจรจาเมื่อเร็วๆนี้ สหรัฐฯตกลงปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมาอยู่ที่ร้อยละ 30 ขณะที่จีนให้ปรับลดสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯมาที่ร้อยละ 10 เป็นระยะเวลา 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. สะท้อนถึงความพยายามในการเจรจาของทั้งสองฝ่าย แต่หลายฝ่ายเชื่อว่า การเจรจาจะยากลำบากและยังไม่มีความชัดเจนวาจะประสบผลสำเร็จหรือไม่
#เจพีมอร์แกน
#เตือนเศรษฐกิจสหรัฐ
#เสี่ยงชะลอตัว