สหรัฐฯเริ่มเรียกค่าปรับจากผู้อพยพที่ผิดกฎหมาย บางรายปรับสูงถึง 1.8 ล้านดอลลาร์

21 พฤษภาคม 2568, 17:46น.


          สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯได้ออกคำสั่งให้ผู้อพยพ 4,500 คนที่เข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย จ่ายค่าปรับให้กับรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลสามารถเก็บเงินค่าปรับได้แล้วกว่า 500 ล้านดอลลาร์(1.6 หมื่นล้านบาท) สำหรับอัตราค่าปรับที่รัฐบาลทรัมป์เรียกเก็บจากผู้อพยพแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ มีตั้งแต่ไม่กี่ร้อยดอลลาร์ไปจนถึงค่าปรับสูงถึง 1.8 ล้านดอลลาร์(ราว 59 ล้านบาท)



          เช่น กรณีของนางเวนดี้ ออร์ทิซ ชาวเอลซัลวาดอร์วัย 32 ปี คุณแม่ลูกหนึ่ง ที่อพยพมาอยู่ในสหรัฐฯนับสิบปีแล้ว เปิดเผยว่า เธอได้รับหมายจากสำนักตรวจคนเข้าเมือง แจ้งให้ชำระค่าปรับสูงถึง 1.8 ล้านดอลลาร์ฐานเข้ามาอยู่ในสหรัฐฯโดยผิดกฏหมายและไม่ยอมทำตามคำสั่งให้เนรเทศกลับภูมิลำเนา โดยนางออร์ทิซ ทำงานในโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์แห่งหนึ่งในรัฐเพนซิลเวเนีย มีรายได้ 13 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง อาศัยอยู่ในสหรัฐฯมาสิบปีแล้ว ทำงานเพื่อเลี้ยงดูลูกชายออทิสติกวัย 6 ขวบ ซึ่งได้รับสัญชาติเป็นพลเมืองอเมริกันแล้ว เธอได้วิจารณ์มาตรการนี้ของรัฐบาลทรัมป์ว่า ไม่เป็นธรรม และที่สำคัญคือ เธอจะหาเงินจากที่ไหนมาจ่ายค่าปรับให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ



         ทั้งนี้ ผู้อพยพที่ได้รับหมายเรียกจากสำนักงานคนเข้าเมืองของสหรัฐฯแล้วยังมีเวลา 30 วันในการตอบจดหมายเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมยื่นเอกสารต่างๆประกอบคำชี้แจงเหตุผลที่ไม่ควรจ่ายค่าปรับตามอัตราที่ได้รับแจ้งในหมายเรียก โดยรัฐบาลทรัมป์ ให้คิดค่าปรับเฉลี่ยวันละ 998 ดอลลาร์ เป็นเหตุผลที่ผู้อพยพที่ลักลอบเข้าเมืองนานนับสิบปีอย่างนางออร์ทิซ ถูกเรียกค่าปรับสูงถึง 1.8 ล้านดอลลาร์



#รัฐบาลทรัมป์



#เรียกค่าปรับผู้อพยพ



#นโยบายควบคุมชายแดน

ข่าวทั้งหมด

X