ธปท.เผยหนี้เสียแบงก์พาณิชย์ไตรมาส1/68 เพิ่มเป็น 2.9% ห่่วงความไม่แน่นอนนโยบายการค้าฉุดการชำระหนี้

วันนี้, 18:01น.


          นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาสที่ 1/2568 หดตัวอยู่ที่ -1.3% เป็นการหดตัวติดลบต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 โดยมองไปข้างหน้าภาพรวมสินเชื่อยังคงมีความท้าทายจากผลกระทบนโยบายการค้าหลังครบกำหนด 90 วัน จึงต้องรอติดตามใกล้ชิด



          หากดูไส้ในพบว่าสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ยังขยายตัวได้ 1.5% จากภาคอสังหาริมทรัพย์ การเงิน และภาคอุตสาหกรรม รวมถึงภาคการส่งออกที่มีการเร่งส่งออกก่อนนโยบายการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า (Reciprocal Tariffs) ทำให้มีการเบิกใช้วงเงินมากขึ้น



          ขณะที่สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) หดตัว -5.5% ส่วนหนึ่งมาจากธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ อย่างไรก็ดี ลูกค้าเดิมหรือลูกค้าที่มีศักยภาพธนาคารยังคงให้สินเชื่อ



           ส่วนสินเชื่อรายย่อย หดตัว -2.2% หากดูใน 4 กลุ่มสินเชื่อ พบว่า สินเชื่อเช่าซื้อหดตัวเพิ่มขึ้นเป็น -10.2% จากไตรมาสก่อน -9.9% มาจากธนาคารระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี พบว่ามีสัญญาณเป็นบวกในไตรมาสที่ 1/2568 จากจำนวนยอดรถยึดที่ปรับลดลงและราคารถมือสองที่ปรับดีขึ้น ส่วนบัตรเครดิตหดตัว -1.9% มาจากยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ลดลง ด้านสินเชื่อบ้านขยายตัวชะลอลงอยู่ที่ 0.2% ในกลุ่มบ้านราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท



           ขณะที่สินเชื่อไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.9% จากไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 2.78% มาจากผลของปริมาณสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น และฐานสินเชื่อหดตัวในบางประเภทสินเชื่อ โดยธุรกิจเอสเอ็มอีหนี้เสียปรับเพิ่มขึ้นทุกเซ็กเตอร์อยู่ที่ 7.35% จาก 6.88% อย่างไรก็ดี เป็นกลุ่มที่ได้รับความช่วยเหลือมาแล้วก่อนหน้า



           ส่วนหนี้เสียในกลุ่มสินเชื่อรายย่อย พบว่าปรับเพิ่มขึ้นจาก 3.20% มาอยู่ที่ 3.35% โดยสินเชื่อบ้านหนี้เสียเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นจาก 3.88% มาอยู่ที่ 4.10% ในกลุ่มราคาบ้านสูงกว่า 5 ล้านบาทมากขึ้น ส่วนหนี้เสียสินเชื่อเช่าซื้อปรับเพิ่มขึ้นจาก 2.17% เป็น 2.20%



          สำหรับสินเชื่อกล่าวถึงเป็นพิเศษ หรือ SM ภาพรวมปรับลดลงจาก 6.98% มาอยู่ที่ 6.97% สะท้อนสัญญาณที่ดีขึ้น โดยธุรกิจรายใหญ่ปรับลดลง เนื่องจากมีการชำระคืนหนี้ ส่วนธุรกิจเอสเอ็มอีปรับเพิ่มขึ้นจาก 12.81% เป็น 13.27% เป็นผลมาจากธนาคารมีการจัดชั้นเชิงคุณภาพมากขึ้น เช่นเดียวกับธุรกิจรายย่อยปรับเพิ่มขึ้นจาก 8.01% เป็น 8.06% มาจากสินเชื่อบ้าน อย่างไรก็ดี ธปท.ยังคงต้องติดตามไตรมาสต่อไป



          หากดูโฟลว์ของการปล่อยสินเชื่อใหม่และการขำระหนี้คืน จะพบว่าในไตรมาสที่ 1/2568 เทียบกับไตรมาสที่ 4/2568 มียอดการปล่อยสินเชื่อใหม่อยู่ที่ 4.4 ล้านล้านบาท แต่มีการชำระหนี้คืนราว 4.39 ล้านล้านบาท โดยเป็นการชำระหนี้คืนของธุรกิจรายใหญ่ ทำให้โฟลว์ไม่สูง มองไปข้างหน้าสินเชื่อก็ยังมีความท้าทายอยู่



          ขณะเดียวกัน การส่งผ่านการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มองว่า การลดดอกเบี้ยไม่ได้เป็นการช่วยให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เพราะปัจจัยหลักมาจากต้นทุนความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อ (Credit Risk) ในการพิจารณาสินเชื่อ แต่การลดดอกเบี้ยจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยลูกค้ามากกว่า



          อย่างไรก็ดี การส่งผ่านรอบนี้ ถือว่าน้อยกว่าการปรับลดดอกเบี้ยใน 2 รอบก่อนหน้า แต่ถือว่าการส่งผ่านมากกว่าในปี 2563-2564 ในช่วงโควิด-19 และจะเห็นว่าธนาคารไม่ได้มีการปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ในครั้งนี้ด้วย



          ภายใต้สถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูงจากนโยบายการค้าและเศรษฐกิจ ธปท.ได้สั่งให้ธนาคารพาณิชย์ที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIBs) ทำแบบประเมินผลกระทบ (Stress Test) โดยกำหนดสมมุติฐาน เพื่อดูผลกระทบพอร์ตลูกค้าที่มีการเกี่ยวเนื่องกับภาคการส่งออก และสินค้านำเข้าที่มีการทะลักเข้ามา รวมถึงผลกระทบต่อพนักงานและการจ้างงานด้วย ทั้งในส่วนของพอร์ตสินเชื่อรายย่อย ธุรกิจเอสเอ็มอี และรายใหญ่ อย่างไรก็ดี ธปท.มีความเป็นห่วงธุรกิจเอสเอ็มอีที่จะได้รับผลกระทบ



           ส่วนกรณีกระทรวงการคลังได้มีการเสนอให้ธนาคารพาณิชย์หั่นกำไรธนาคารมาช่วยเหลือลูกหนี้นั้น มองว่า ธนาคารก็ช่วยนำกำไรส่วนหนึ่ง 50% มาช่วยเหลือลูกค้าในโครงการ 'คุณสู้ เราช่วย' แล้ว ส่วนจะมีมาตรการอะไรเพิ่มเติมอาจจะต้องรอดู คาดว่าความชัดเจนของมาตรการ 'คุณสู้ เราช่วย' จะประกาศได้ภายในกลางเดือนหรือสิ้นมิถุนายน 2568 นี้



          โดยล่าสุด โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” มีผู้ที่ลงทะเบียนและผ่านคุณสมบัติ 1.3 ล้านคน หรือ 7 ล้านบัญชี เฉลี่ยลูกหนี้ 1 คน มีบัญชี 1.2-1.3 บัญชี โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568 มีลูกหนี้ 5.8 แสนล้านราย คิดเป็น 30% และยอดหนี้ 4.3 แสนล้านบาท คิดเป็น 48% ของเป้าหมาย โดยส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อบ้าน 1.8 แสนราย มูลค่า 3 แสนล้านบาท ซึ่งเข้ามาเกิน 50% รองลงมา สินเชื่อเอสเอ็มอี และเช่าซื้อ



 



#หนี้เสีย



#สินเชื่อธนาคารพาณิชย์ 



 

ข่าวทั้งหมด

X