ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามให้ความมั่นใจกับสาธารณชนว่า ผู้ผลิตต่างชาติจะเป็นผู้จ่ายภาษีเหล่านั้น ขณะที่ผู้ค้าปลีกและผู้ผลิตรถยนต์จะแบกรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นไว้เอง ด้านนักวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ตั้งคำถามกับคำกล่าวอ้างดังกล่าว และเตือนว่า มาตรการลงโทษทางการค้าของทรัมป์จะทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้น
เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (15 พ.ค.) วอลมาร์ท บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ที่ว่าจ้างพนักงาน 1.6 ล้านคนในอเมริกา เตือนว่า สินค้าทุกอย่างตั้งแต่กล้วยหอมจนถึงเบาะนั่งในรถยนต์สำหรับเด็กจะแพงขึ้น ต่อมาในวันเสาร์ (17 พ.ค.) ทรัมป์โพสต์บนทรูธ โซเชียล โจมตีว่า วอลมาร์ทควรเสียสละกำไรเพื่อมาตรการเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งเขาอวดอ้างว่า ในที่สุดแล้วจะช่วยสร้างงานในภาคการผลิตของอเมริกา
โพสต์ดังกล่าวสะท้อนทางเลือกที่เลวร้ายที่บริษัทใหญ่ในอเมริกาต้องเผชิญอันเป็นผลจากภาษีศุลกากรของทรัมป์ ตั้งแต่ยอดขายร่วงลงจนถึงการโกรธเกรี้ยวของประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้ โดยก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยเตือนบริษัทรถในประเทศไม่ให้ขึ้นราคา แม้รายงานการวิเคราะห์ของเอกชนหลายฉบับระบุว่า ภาษีศุลกากรจะทำให้ต้นทุนการผลิตรถสูงขึ้นก็ตาม
ภาษีศุลกากรของทรัมป์ยังทำให้เศรษฐกิจอเมริกาอึมครึม รายงานเบื้องต้นที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (16 พ.ค.) พบว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงต่ำสุดเป็นอันดับ 2 โดยผู้ตอบแบบสำรวจ 75% ระบุว่า ภาษีศุลกากรเป็นตัวการสำคัญที่อาจทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้น
เดือนที่แล้ว ดั๊ก แมกมิลลอน ซีอีโอวอลมาร์ท เป็นหนึ่งในผู้บริหารบริษัทค้าปลีกที่ร่วมประชุมกับทรัมป์ที่ทำเนียบขาวเกี่ยวกับภาษีศุลกากร แต่คณะบริหารของทรัมป์ยังคงเดินหน้ามาตรการดังกล่าวแม้ได้รับคำเตือนและการโจมตีจากบริษัทหลายแห่ง อาทิ อะเมซอน และแอปเปิลที่กำลังประสบปัญหาห่วงโซ่อุปทานชะงักงันก็ตาม
ระหว่างการรายงานยอดขายไตรมาสแรกเมื่อวันพฤหัสบดี จอห์น เดวิด เรนีย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของวอลมาร์ท คาดว่า เร็วๆนี้ราคาคาร์ซีทที่ผลิตในจีนจะเพิ่มขึ้นอีก 100 ดอลลาร์หรือ 29% จาก 350 ดอลลาร์ในขณะนี้ และยืนยันว่า บริษัทพยายามตรึงราคาสินค้าไว้ แต่ก็มีความสามารถจำกัดในการรองรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับบริษัทค้าปลีกอื่นๆ
แม้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทรัมป์ยอมลดภาษีศุลกากรสินค้าจีนจาก 145% เหลือ 30% นาน 90 วัน แต่ยังคงเรียกเก็บภาษีสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% เนื่องจากปัญหาการลักลอบเข้าเมืองและการขนยาเสพติดเข้าสู่อเมริกาจากสองประเทศที่เป็นคู่ค้าใหญ่ที่สุดนี้
นอกจากนั้นทรัมป์ยังเก็บภาษีพื้นฐาน 10% จากประเทศส่วนใหญ่ พร้อมให้สัญญาว่า จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับประเทศต่างๆ ในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้ หลังจากทำตลาดการเงินทั่วโลกช็อกเมื่อต้นเดือนเมษายนด้วยการรีดภาษีศุลกากรตอบโต้สูงลิบโดยอิงกับยอดขาดดุลการค้าของอเมริกากับชาติต่างๆ คณะบริหารของอเมริกายังเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ เหล็กกล้าและอลูมิเนียม รวมทั้งเล็งขึ้นภาษีศุลกากรยาและสินค้าอีกหลายรายการภาษีศุลกากรและการเปลี่ยนใจของทรัมป์เกี่ยวกับอัตราภาษีที่จะเรียกเก็บจากประเทศต่างๆ ทำให้เศรษฐกิจของอเมริกาไร้ความแน่นอนในระดับที่ทำให้เจอโรม พาวเวลล์ ประธานผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยพื้นฐานไว้จนกว่าสถานการณ์จะชัดเจนมากกว่าที่เป็นอยู่ และเตือนว่า ภาษีศุลกากรอาจกระทบต่อการเติบโตของอเมริกา อีกทั้งทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่ง
เมื่อวันเสาร์ ทรัมป์กดดันอีกครั้งให้พาวเวลล์ลดดอกเบี้ย ซึ่งอาจส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น โดยยืนกรานว่า ความกดดันจากเงินเฟ้อต่อเศรษฐกิจส่วนใหญ่จางหายไปแล้ว