ความคืบหน้าหลังศาลอาญาไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหา 15 ราย ในคดีโครงการก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ประกอบด้วย 1.นายสุชาติ ชุติปภากร อายุ 64 ปี , 2.นายพิมล เจริญยิ่ง อายุ 85 ปี , 3.นายธีระ วรรธนะทรัพย์ อายุ 59 ปี , 4.นายสุพล อัครอารีสุข อายุ 51 ปี , 5.นายชัยณรงค์ เสียงไพรพันธ์ อายุ 43 ปี , 6.นายอภิชาต รักษา อายุ 38 ปี , 7.นายเปรมชัย กรรณสูต หรือ “เสี่ยเปรมชัย” ผู้บริหารบริษัทอิตาเลี่ยนไทย จำกัด อายุ 71 ปี , 8.นายเกรียงศักดิ์ กอวัฒนา อายุ 65 ปี , 9.นายชวน หลิงจาง อายุ 42 ปี , 10.นายอนุวัต คันสร อายุ 53 ปี , 11.นายธิปัตย์ รัตนวงศา อายุ 42 ปี , 12.นายปฏิวัติ ศิริไทย อายุ 53 ปี , 13.นายกฤตภัฏ ปล่องกระโทก อายุ 51 ปี , 14.นายสมชาย ทรัพย์เย็น อายุ 56 ปี วิศกรผู้ควบคุมงาน และ 15.เป็นนิติบุคคล ซึ่งผู้ต้องหาที่เป็นผู้บริหารบริษัทและวิศวกร
รวมทั้ง ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนค้านประกันตัวเนื่องจากอัตราโทษสูง และเกรงว่าหากได้รับการประกันตัว ผู้ต้องหาจะหลบหนี หรือไปยุ่งกับพยานหลักฐาน ซึ่งคดีต้องสอบสวนพยานอีก 15 ปาก กรณีมีเหตุผลอันสมควรจะรอผลการสอบสวนให้เสร็จสิ้นก่อน ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว แม้ภายหลังทนายความได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์วงเงินคนละ 600,000-800,000 บาท เพื่อขอประกันตัวระหว่างสู้คดี ก่อนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงได้นำตัวผู้ต้องหาไปคุมขังระหว่างฝากขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า เมื่อ16 พ.ค. เวลาประมาณ 20.00 น. เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร รับตัว นายเปรมชัย และพวกรวม 14 ราย จากศาลอาญารัชดาภิเษก โดยเรือนจำดำเนินการรับตัวตามระเบียบ และพยาบาลเรือนจำเข้าตรวจประเมินสุขภาพทันทีภายหลังรับตัวเข้าเรือนจำ ก่อนนำตัวเข้าสู่กระบวนการแยกกักโรคในแดนแรกรับ เนื่องจากผู้ต้องขังมีจำนวนมาก จึงแบ่งออกเป็น 2 ห้อง แยกกักห้องละ 6 คน
ส่วนของผู้ต้องขังสูงอายุ 2 ราย คือ นายพิมล เจริญยิ่ง และ นายเปรมชัย กรรณสูต พยาบาลเรือนจำประเมินแล้วเป็นผู้ต้องขังสูงอายุ มีโรคประจำตัว ช่วยเหลือตัวเองลำบาก จึงให้แยกกักโรคเพื่อเฝ้าดูอาการที่สถานพยาบาล และจัดให้มีอาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ (อสรจ.) ซึ่งเป็นอดีตแพทย์เป็นผู้ดูแล โดยเรือนจำอนุญาตให้นำยารักษาโรคประจำตัวติดตัวมาด้วย และรอพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการต่อไป สำหรับการส่งตัวออกไปรักษาตัวต่อที่ รพ.ราชทัณฑ์นั้น ให้เป็นไปตามความเห็นแพทย์ ขณะนี้ไม่ได้มีการส่งรักษาภายนอกเรือนจำ ทุกรายให้ความร่วมมือกับเรือนจำดี ไม่ได้แสดงอาการเครียดชัดเจน อยู่ระหว่างการปรับตัว
“นายเปรมชัย สามารถรับประทานอาหารได้ เมื่อเช้าทานโจ๊กและวันนี้ญาตินำยารักษาโรคกับใบรับรองแพทย์มาฝาก ส่วน นายชวน หลิน จาง ไม่มีปัญหาด้านการสื่อสาร เนื่องจากพูดภาษาอังกฤษได้ ทุกคนไม่มีใครร้องรออะไรเป็นพิเศษ”
กิจการร่วมค้า ระหว่าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จํากัด (ต่อไปเรียกว่า “กิจการร่วมค้า”) ออกแถลงการณ์ร่วมกัน แจ้งว่า กิจการร่วมค้าได้เฝ้าติดตามและทราบถึงกระบวนการสอบสวนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจการร่วมค้า ในฐานะผู้รับเหมาก่อสร้าง เกี่ยวกับเหตุการณ์อาคารสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม
กิจการร่วมค้าจะยังคงให้ความร่วมมือในการสอบสวนตามกฎหมายอย่างต่อเนื่อง และขอรับรองว่า กิจการร่วมค้าจะให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนภายใต้กรอบของกฎหมาย เพื่อให้ผลการสอบสวนได้รับข้อเท็จจริงที่ถูกต้องตามหลักวิชาการและเป็นธรรมแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยกิจการร่วมค้าเชื่อมั่นว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถสรุปผลการสอบสวนอย่างรอบคอบ รวดเร็ว เป็นกลางและยุติธรรมบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานต่อไป
พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. กล่าวเกี่ยวกับคดีตึก สตง. ถล่มว่า ในคดีนี้มีการออกหมายจับผู้ต้องหา 17 ราย และเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ 15 ราย และพนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 14 ราย และนิติบุคคล 1 ราย ผัดฟ้องฝากขังที่ศาลตั้งแต่เมื่อวานนี้ ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ถูกนำตัวส่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เมื่อวาน ส่วนอีก 2 ราย ได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าจะมีการเข้ามามอบตัวในเร็วๆ นี้
ส่วนรายละเอียดได้สั่งการให้กองบังคับการสืบสวน โดยพล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บชน. ติดตามเพื่อป้องกันการหลบหนี
สำหรับสาเหตุของการทำให้อาคารถล่ม เราดูเป็นส่วน ส่วนแรกแบบถูกต้องตามมาตรฐานหรือไม่ ได้ประชุมกับผู้เชี่ยวชาญการออกแบบ ว่าตัวอาคารสามารถต้านแรงลมได้เท่าไหร่ กรณีมีการเกิดแผ่นดินไหวสามารถรองรับได้เท่าไหร่ มีค่ามาตรฐานอยู่โดยเป็นมาตรฐานทางวิชาการ
ส่วนที่ 2 เป็นการออกหมายในส่วนของผู้ควบคุมงาน ว่ามีการควบคุมงานตามมาตรฐานตามแบบหรือไม่
ส่วนที่ 3 ผู้รับจ้างก่อสร้าง และอีกส่วนเป็นการส่งวัสดุอุปกรณ์ในการใช้ก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นปูน มีความมั่นคงแข็งแรงตามสเปคหรือไม่ เหล็กเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ มีครบถ้วนตามแบบหรือไม่ การแจ้งข้อหาเป็นไปตามมาตรฐานที่ผู้เชี่ยวชาญระบุไว้ ศาลจึงออกหมายจับ
ด้านบริษัทเหล็ก จะต้องมีการสืบสวนสอบสวนต่อว่า มีความผิดร่วมด้วยหรือไม่ หากใครมีส่วนเกี่ยวข้องดำเนินการไม่ถูกต้อง ต้องรวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ยืนยัน มีพยานหลักฐานมากพอที่จะดำเนินคดี ส่วนใหญ่พยานหลักฐานที่ได้มา เป็นพยานหลักฐานที่ได้มาจากผู้เชี่ยวชาญ จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ สตง. หรือบริษัทเหล็กถ้ามีหลักฐานกระทำความผิด
ด้านสถาบันนิติเวช โรงพยาบาล ตำรวจระบุว่า พบร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 92 ศพ จากศพ และชิ้นส่วนศพ ที่เข้าสู่ระบบ ดังนี้
++ศพ 80 ร่าง
++ชิ้นส่วน 318 ชิ้น
ผู้เสียชีวิตยืนยันตัวตนแล้ว
+++ศพ 88 ราย
+++ชิ้นส่วน 12 ราย
สามารถยืนยันเอกลักษณ์บุคคลได้ 88 ราย คืนร่างให้กับญาติแล้ว 75 ราย
#สตงถล่ม