ซาอุฯ พบผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโรคเมอร์ส สธ.เตือนผู้แสวงบุญรักษาสุขภาพ

วันนี้, 16:21น.


          (16 พ.ค.68) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข ของราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียรายงานการติดเชื้อไวรัสโคโรนา กลุ่มอาการทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (MERS-CoV) หรือโรคเมอร์ส ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม - 21 เมษายน 2568 รวม 9 ราย มีผู้เสียชีวิต 2 ราย โดยพบผู้ป่วยอยู่ในฮาอิล 1 ราย และริยาด 8 ราย ซึ่งในริยาดพบกลุ่มเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 6 รายติดเชื้อจากการดูแลผู้ป่วยเพียงรายเดียว โดย 4 รายไม่มีอาการ และ 2 รายมีอาการไม่รุนแรง ไม่เฉพาะเจาะจง คือ ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ และอาเจียน ซึ่งเป็นการติดต่อที่ไม่ได้สัมผัสกับอูฐหรือผลิตภัณฑ์จากอูฐโดยตรง แสดงให้เห็นว่าไวรัสยังคงมีการระบาดในอูฐและแพร่กระจายไปยังมนุษย์ อย่างไรก็ตาม จากการประเมินความเสี่ยงโดยรวมถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง ทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค เนื่องจากมีการรายงานการติดเชื้อ MERS-CoV ต่อองค์การอนามัยโลก ที่ได้รับการยืนยันทางห้องปฏิบัติการทั้งหมด 2,627 ราย จาก 27 ประเทศ ส่วนใหญ่คือร้ยละ 84 มาจากซาอุดีอาระเบีย และตั้งแต่ปี 2562 ไม่มีรายงานการติดเชื้อ MERS-CoV ในมนุษย์จากประเทศนอกตะวันออกกลาง



          โรคเมอร์สเป็นโรคระบบทางเดินหายใจและระบบทางเดินอาหาร จะแสดงอาการหลังรับเชื้อ 2-14 วัน อาการที่พบ คือ ไข้สูง ไอ หายใจหอบเหนื่อย บางรายมีอาการท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน กรณีที่อาการรุนแรงอาจทำให้ปอดอักเสบ ไตวาย และเสียชีวิตได้ อัตราการเสียชีวิตสูงเนื่องจากไม่มีวัคซีนและยาต้านไวรัสที่จำเพาะ ต้องดูแลรักษาตามอาการแบบประคับประคอง ติดต่อมาสู่คนโดยมีอูฐเป็นแหล่งรังโรค วิธีการแพร่เชื้อยังไม่ชัดเจน แต่อาจเกิดจากดื่มนมอูฐที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อหรือรับประทานเนื้ออูฐที่ไม่สุก ส่วนการติดต่อจากคนสู่คนจะผ่านทางละอองน้ำมูก/น้ำลายของผู้มีเชื้อจากการสัมผัสใกล้ชิด



          สำหรับชาวไทยมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ที่ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ระหว่างวันที่ 4-9 มิถุนายน 2568 ซึ่งลงทะเบียนไว้ทั้งหมด 6,603 คน และได้ทยอยเดินทางไปแล้วตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขได้กำชับให้ทีมแพทย์ที่ส่งไปดูแลสุขภาพ ให้ความรู้และเน้นย้ำถึงแนวทางปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโรค คือ



1.หลีกเลี่ยงการสัมผัสอูฐหรือเข้าไปสัมผัสฟาร์มสัตว์ รวมถึงการดื่มนมอูฐที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อและไม่รับประทานเนื้ออูฐดิบหรือสุกๆ ดิบๆ



2.หลีกเลี่ยงการไปโรงพยาบาลในพื้นที่ที่มีการระบาดโดยไม่จำเป็น รวมถึงการอยู่ในสถานที่แออัด



3.รักษาสุขอนามัย โดยหมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจล ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น สวมหน้ากากอนามัยและไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วย



          ส่วนผู้แสวงบุญที่เดินทางกลับมาถึงประเทศไทยแล้ว หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่จะติดตามเฝ้าระวังสุขภาพต่อเนื่องอีก 14 วัน เพื่อความปลอดภัย ระหว่างนี้หากมีอาการป่วยทางเดินหายใจให้รีบพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา



...



#โรคเมอร์ส



#กระทรวงสาธารณสุข

ข่าวทั้งหมด

X