*สนช.เห็นชอบตั้งคณะกมธ.เสนอแนวทางบริหารจัดการน้ำ กมธ.มองพลังเงียบตัวแปรสำคัญเรื่องร่างรธน.*

ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ประชุมลงมติด้วยคะเเนนเสียงเห็นด้วย 156 เสียง ไม่เห็นด้วย 2 เสียง งดออกเสียง.3 เสียงและไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง เห็นชอบในญัตติการตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาศึกษา ติดตามและแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 21 คนระยะเวลาทำงาน 180 วันเพื่อทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลและเสนอแนะแนวทางการบริหารจัดการน้ำให้กับรัฐบาลต่อไป

ส่วนการลงพื้นที่ของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญและคณะกรรมาธิการวิสามัญการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน สภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในการจัดเวทีเผยแพร่ร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญให้ประชาชนใน 12 จังหวัดตั้งแต่วันที่ 27เมษายน-27พฤษภาคม นายประชา เตรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าว เปิดเผยว่า ประชาชนตั้งคำถามหลายประเด็น แต่จะคำนึงถึงสิทธิประโยชน์ตัวเองมากกว่าเรื่องทางการเมือง ส่วนเรื่องการรับร่างหรือไม่รับร่าง จากแบบสอบถามพบว่าประชาชนที่เข้าร่วมทั้ง 12 เวที ร้อยละ 49 จะลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญ แต่ก็มีอีกร้อยละ 41 ที่เป็นพลังเงียบไม่ตอบคำถาม ขอดูร่างรัฐธรรมนูญสุดท้ายก่อน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญตัดสินว่ารัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ สังเกตว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีผู้ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญมากที่สุด มองว่า หากจะทำความเข้าใจกับประชาชนให้ได้ดีกว่านี้ ควรมีเวลาอย่างน้อย 1 ปีเช่นเดียวกับต่างประเทศเพื่อให้คณะกรรมาธิการยกร่างฯ มีเวลาอธิบายกับประชาชนให้ชัดเจน แต่ก็เข้าใจว่าหากมีการเสนอเรื่องดังกล่าวจะถูกครหาว่าเป็นการต่ออายุให้รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)

คำถามเรื่องความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ ร้อยละ 52 เห็นว่าเหมาะสม ร้อยละ 27 เห็นว่า ต้องปรับปรุง หรือในประเด็นความพอใจต่อร่างรัฐธรรมนูญ ร้อยละ 19 ให้คะเเนนเต็มสิบ ขณะที่ร้อยละ 18 ให้คะแนนความพอใจไม่ถึงครึ่งหนึ่ง  ยอมรับว่า แม้ภาพรวมกระแสของประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญจะออกมาในเชิงเห็นด้วยและยอมรับร่าง แต่คณะก็จะนำความเห็นที่ไม่เห็นด้วยมาปรับปรุงต่อในการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ เพราะเสียงของประชาชนย่อมมีผลต่อการผ่านร่างรัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าว: ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร