กรมอนามัย เปิดผลตรวจสอบ ไม่พบสารหนูในน้ำประปา-ปัสสาวะชาวบ้านริมแม่น้ำกก

          ผลการตรวจสอบล่าสุดจากกรณีที่มีการรายงานสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก นพ.ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผย ถึง ว่า ขณะนี้กรมอนามัยได้ลงพื้นที่ทั้งในจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย โดยได้เก็บตัวอย่างน้ำประปาและตัวอย่างปัสสาวะของชาวบ้านในพื้นที่ใกล้แม่น้ำกกม าตรวจวิเคราะห์ในช่วงปลายเดือนเมษายน

          ผลที่ได้คือ ไม่พบค่าของสารอาร์เซนิค (สารหนู) ในน้ำประปา หรือในปัสสาวะของชาวบ้านสูงเกินค่ามาตรฐานแต่อย่างใด ส่วนที่พบคือ ในน้ำประปาบางจุดมีความขุ่นสูง และมีการปนเปื้อนของแบคทีเรียบางชนิด เช่น อีโคไล และโคลิฟอร์ม ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาเรื่องสุขอนามัยที่ควรเฝ้าระวังมากกว่าสารพิษจำพวกอาร์เซนิค

          รองอธิบดีกรมอนามัย อธิบายเพิ่มเติมว่า แหล่งน้ำประปาที่ใช้งานอยู่ส่วนใหญ่เป็นประปาภูเขา ไม่ได้ดึงน้ำโดยตรงจากแม่น้ำกก ยกเว้นหมู่บ้านไม่กี่แห่งที่อาจมีการใช้น้ำจากแม่น้ำ แต่ก็ผ่านระบบบำบัดก่อนเข้าสู่ระบบประปา

       สำหรับตัวอย่างปัสสาวะที่สุ่มตรวจจากประชาชนในพื้นที่ก็ไม่พบสารอาร์เซนิคเกินเกณฑ์เช่นกัน อย่างไรก็ตาม กรมอนามัย และกรมควบคุมมลพิษ มีแผนจะลงพื้นที่เก็บตัวอย่างซ้ำในเร็ว ๆ นี้ ควบคู่ไปกับการเก็บตัวอย่างน้ำจากแม่น้ำ เพื่อให้ได้ข้อมูลยืนยันที่ชัดเจนและรอบด้านมากขึ้น”

          การตรวจปัสสาวะมีขั้นตอนที่ต้องเตรียมตัวล่วงหน้า เช่น การงดอาหารทะเล 3 วันก่อนตรวจ จึงต้องคำนึงถึงความสะดวกของประชาชนด้วย หากผลการตรวจซ้ำยังไม่พบความผิดปกติ อาจปรับความถี่ในการเก็บตัวอย่างเป็นรายเดือนแทน

          ส่วนข้อกังวลเรื่อง โรคมินามาตะ ที่เคยเกิดจากการปนเปื้อนสารปรอท นพ.ธิติ ยืนยันว่า กรณีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสารปรอทแต่อย่างใด ข้อมูลที่ตรวจสอบแล้วไม่มีการพบสารปรอทในระบบน้ำหรือในคนเลย ซึ่งไทยพยายามลดการใช้สารปรอทตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศ โดยเตรียมยกเลิกการใช้สารปรอทในยา และเครื่องมือแพทย์บางประเภท เช่น ปรอทวัดไข้แบบเก่า หรือเครื่องวัดความดันแบบบีบลม

          นพ.ธิติ ยังบอกด้วยว่า ขณะนี้น้ำประปาที่ผ่านการตรวจสอบสามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่ประชาชนควรติดตามข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษอย่างใกล้ชิด หากพบว่า มีจุดใดในแม่น้ำที่ยังมีสารพิษปนเปื้อนสูง ก็อาจต้องเลี่ยงการใช้น้ำจากแหล่งนั้นโดยตรง