ตั้งแต่กลับมาบริหารประเทศสมัยที่ 2 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯได้ปรับเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมาที่ร้อยละ 145 ขณะที่ประเทศจีนตอบโต้ด้วยการปรับเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯร้อยละ 125 ส่งผลเกิดความตึงเครียดต่อเนื่องระหว่าง 2 มหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก อีกทั้งทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนและการค้าทั่วโลกชะงักงันมาตลอด 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างกระทรวงการต่างประเทศจีนและกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯว่า นายเหอ ลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีของจีน และนายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ พร้อมนายเจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จะเข้าร่วมการเจรจาที่สวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 9-12 พ.ค.นี้ เพื่อหาทางลดความตึงเครียดจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน
การประชุมครั้งนี้จะเป็นการพบกันของคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากประเทศทั้งสองเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่นายหาน เจิ้ง รองนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของนายทรัมป์ในกรุงวอชิงตันดี.ซี.เมื่อวันที่ 20 ม.ค.โดยสื่อของทางการจีน รายงานว่า ทางการจีนตัดสินใจที่จะเปิดการเจรจากับสหรัฐฯ หลังไตร่ตรองอย่างรอบคอบในเรื่องความคาดหวังของคนทั่วโลก ตลอดถึงผลประโยชน์ของประเทศจีนและข้อเรียกร้องจากภาคธุรกิจอเมริกันในประเทศจีน รายงานระบุว่า ประเทศจีนพร้อมจะเปิดกว้างในเรื่องการเจรจากับสหรัฐฯ ย้ำท่าทีของจีนว่า ถ้าจีนตัดสินใจจะทำสงคราม ก็จะต่อสู้ไปจนถึงสิ้นสุด
ด้านนายเบสเซนต์ กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ว่า เขาตั้งตารอที่จะปรับสมดุลระบบเศรษฐกิจระหว่างประเทศใหม่ เพื่อให้ตอบสนองต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯได้ดียิ่งขึ้น เขามองเรื่องการลดความตึงเครียดกับจีน เป็นจุดเริ่มต้นที่ต้องทำก่อนที่จะเริ่มต้นหารือในประเด็นอื่นๆต่อไป ย้ำท่าทีของสหรัฐฯว่า ถ้าสหรัฐฯต้องการจะแก้ไขปัญหาพิพาทต่างๆโดยใช้วิธีการเจรจา ก็อาจจะต้องทำใจยอมรับผลกระทบด้านลบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯจะมีผลทั้งต่อตนเองและทั่วโลก
#สหรัฐจีน
#เจรจาการค้า
ที่มา: bbc