ปลดแล้ว!ทรัมป์ลงนาม ปลด ไมค์วอล์ทซ์ ออกจากที่ปรึกษาความมั่นคง ปมแชตหลุด

          ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ปลด ไมค์ วอล์ทซ์ พ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ในวันพฤหัสบดี(1พ.ค.) และแต่งตั้ง มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ เข้ามาทำหน้าที่แทนเป็นการชั่วคราว ในความเคลื่อนไหวปรับตำแหน่งแวดวงคนใกล้ชิดของทรัมป์ หนใหญ่เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม

           ทรัมป์ โพสต์ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์ ว่า เขาจะเสนอชื่อ วอล์ทซ์ ให้ไปเป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำสหประชาชาติคนถัดไป พร้อมระบุ "เขาทำงานหนัก วางผลประโยชน์ของประเทศมาก่อนเป็นลำดับแรก"

          การเลือก รูบิโอ เข้ามาทำหน้าที่แทน วอล์ทซ์ ของทรัมป์ จะถือเป็นหนแรกนับตั้งแต่ เฮนรี คิสซิงเกอร์ ในช่วงปีทศวรรษ 1970 ที่บุคคลหนึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ ควบที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ "ยามที่ผมมีปัญหา ผมจะเรียกหา มาร์โก เขาแก้ปัญหาได้" ทรัมป์ กล่าว ณ กิจกรรมหนึ่งในทำเนียบขาวก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี(1พ.ค.)

          ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติถือเป็นตำแหน่งที่ทรงอิทธิพลที่ไม่จำเป็นต้องได้รับการรับรองจากวุฒิสภา ทรัมป์มีที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ 4 คน ในสมัยแรก ได้แก่ ไมเคิล ฟลินน์, เอช.อร์.แม็คมาสเตอร์, จอห์น โบลตัน และ โรเบิร์ต โอไบรอัน

           วอล์ทซ์ ถูกกล่าวโทษ สำหรับการเผลอดึงบรรณาธิการของนิตยสารแอตแลนติกเข้ามายังเธรดลับหนึ่ง ที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับปฏิบัติการทิ้งบอมบ์ของสหรัฐฯในเยเมนที่ใกล้จะเกิดขึ้น ต่อมา แอตแลนติก ที่รายงานข่าวเกี่ยวกับประเด็นพูดคุยกันภายในเกี่ยวกับการโจมตีดังกล่าว

           การถูกปลดออกของวอล์ทซ์ครั้งนี้ มีขึ้นราว 1 เดือน ตามหลังความยุ่งเหยิงภายในสถาบันความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน มีเจ้าหน้าที่ของสภาความมั่นคงแห่งชาติถูกไล่ออกไปแล้วอย่างน้อย 20 ราย, ผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติถูกปลดออก เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ระดับสูง 3 คนของเพนตากอน ที่ได้รับการแต่งตั้งจากฝ่ายการเมือง สภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ เป็นองค์กรหลักที่ประธานาธิบดีทั้งหลายใช้ประสานงานยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง และบ่อยครั้งพวกเจ้าหน้าที่รับหน้าที่ตัดสินใจสำคัญๆ ในเรื่องเกี่ยวกับแนวทางของอเมริกาที่มีต่อความขัดแย้งต่างๆที่อ่อนไหวมากที่สุดของโลก

          อเล็กซ์ หว่อง ผู้ช่วยของเขา ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชีย ที่เคยทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ มุ่งเน้นในเรื่องเกาหลีเหนือ ครั้งที่ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งสมัยแรก ก็ถูกบีบให้ออกจากตำแหน่งเช่นกัน