กระทรวงพาณิชย์สหรํฐฯ รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี ไตรมาสแรกของปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.68) หดตัวร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (ม.ค-มี.ค.67) ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 3 ปี ที่นักวิเคราะห์ชี้ว่า เป็นผลมาจากสงครามการค้าของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ที่ทำให้การดำเนินธุรกิจต่างๆ หยุดชะงัก หลังจากที่ผู้ประกอบการเร่งนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ก่อนที่จะมีการประกาศมาตรการภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ ซึ่งในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว มีการนำเข้าเติบโตในอัตราร้อยละ 41 และจีดีพีขยายตัวร้อยละ 2.4
นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์หลายคนยังคงมองว่าการเก็บภาษีศุลกากรจำนวนมหาศาลของประธานาธิบดีทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตในช่วงครึ่งหลังของปี และความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีทรัมป์ โพสต์ข้อความบนทรูธโซเชียล ว่า นี่คือตัวเลขเศรษฐกิจของอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน ไม่ใช่ของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เพิ่งเข้ามาบริหารประเทศเมื่อวันที่ 20 มกราคม (2568) และยืนยันว่า ภาษีศุลกากรที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเร็วๆ นี้จะทำให้บริษัทต่างๆ ย้ายเข้ามาในสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวนมาก อเมริกาจะเติบโต แต่เราต้องกำจัดปัญหาต่างๆ ของอดีตประธานาธิบดีออกไป ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกระยะ ตัวเลขที่มีการรายงานนี้ไม่เกี่ยวกับภาษีศุลกากรแต่อย่างใด และขอให้ทุกคนอดทนไว้
...
#เศรษฐกิจสหรัฐ
มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 รายจากเหตุไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ในสเปน
...
ยูเครนเผย เตรียมลงนามข้อตกลงแร่ธาตุกับสหรัฐ
...
สหรัฐคงรายชื่อไทยในบัญชีจับตามองทรัพย์สินทางปัญญา ต่อเนื่องอีกปี
...
ข่าวทั้งหมด
