*เจ้าหนี้รอเจรจากรีซ หลังทำประชามติ/ไอเอสโจมตีอียิปต์/ผู้บริหารญ.โตโยต้าลาออกหลังนำยาผิดกม.เข้าญี่ปุ่น

 *ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.

++++ท่าทีของยุโรป หลังจากที่นายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ ส่งสัญญาณจะยอมรับข้อตกลงของเจ้าหนี้ เกี่ยวกับการปรับลดงบประมาณและเปลี่ยนแปลงนโยบาย มีการระบุว่าข้อเสนอดังกล่าวไม่ตรงกับสิ่งที่ทางเจ้าหนี้ต้องการ และยังคงไม่เพียงพอที่จะทำให้มีการเจรจาครั้งใหม่เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซ นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี แสดงความเฉยเมยต่อข้อเสนอดังกล่าว โดยย้ำว่า เยอรมนีจะยังคงมีท่าทีที่เข้มงวดต่อไป และการเจรจาเพื่อให้ความช่วยเหลือครั้งใหม่ต่อกรีซ จะมีขึ้นก็ต่อเมื่อผ่านพ้นการทำประชามติในวันที่ 5 ก.ค. หรือหากกรีซตัดสินใจยกเลิกการทำประชามติ ขณะที่เจ้าหน้าที่ยุโรปอีกรายหนึ่งกล่าวว่า ข้อเสนอครั้งใหม่ของกรีซได้ทำให้มาตรการต่างๆที่ทั้ง 2 ฝ่ายเคยตกลงกันนั้นได้อ่อนแอลง และจะไม่เป็นที่ยอมรับจากเจ้าหนี้

+++นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า อนาคตของยุโรปไม่ได้มีความเสี่ยง ที่เนื่องมาจากวิกฤติการณ์เกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจของกรีซ หลังจากที่การเจรจาเรื่องหนี้สินล้มเหลวและโครงการให้ความช่วยเหลือพ้นกำหนดแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงที่ทั่วโลกกำลังจ้องมองดูยุโรป แต่อนาคตของยุโรปไม่ได้มีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย อนาคตของยุโรปจะอยู่ในภาวะเสี่ยงก็ต่อเมื่อสมาชิกลืมที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับยุโรป

+++ก่อนหน้านี้ นายมิเชล ซาแปง รัฐมนตรีคลังฝรั่งเศส ตอบข้อซักถามที่ว่าท่าทีแข็งกร้าวของเยอรมนีทำให้ยากต่อการทำข้อตกลงกับกรีซหรือไม่ เขาบอกว่า ท่าทีที่แข็งกร้าวมาจากกลุ่มสมาชิกรายเล็กในอียูซึ่งเคยผ่านแผนปฏิรูปที่เข้มงวดหนักหน่วง และคุณภาพชีวิตแย่กว่ากรีซอีก เขากล่าวว่า หากการลงประชามติในกรีซปรากฏว่า ไม่ยอมรับข้อตกลงเจ้าหนี้ ฝรั่งเศสก็จะทำทุกทางให้กรีซอยู่ในยูโรโซนต่อไป

+++ผลสำรวจ ความเห็นชาวกรีกที่มีการเผยแพร่ ระบุว่า ผู้ตอบร้อยละ 54 จะลงเสียงไม่ยอมรับเงื่อนไขของเจ้าหนี้ในการลงประชามติวันที่ 5 กรกฎาคมนี้ ลดลงจากร้อยละ 57 ในช่วงที่รัฐบาลยังไม่สั่งปิดธนาคารชั่วคราว ผลสำรวจระหว่างวันที่ 28-30 มิถุนายนที่ลงในหนังสือพิมพ์ระบุว่า ผู้ตอบที่จะลงเสียงยอมรับเงื่อนไขของเจ้าหนี้มีร้อยละ 33 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 30 ในช่วงที่รัฐบาลยังไม่สั่งปิดธนาคารตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมาจนถึงวันจันทร์หน้า กลุ่มคนว่างงานจะออกเสียงคัดค้านการยอมรับเงื่อนไขเจ้าหนี้มากที่สุดในบรรดากลุ่มที่ทำการสำรวจทั้งหมดได้แก่ผู้ประกอบการ ผู้จ้างงานตนเอง ผู้เกษียณอายุทั้งภาครัฐและภาคเอกชน พนักงานและแม่บ้าน

+++สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ระบุว่า หากกรีซต้องออกจากยูโรโซนนั้น ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ความเสี่ยงต่อการที่ผลกระทบจะลุกลามไปยังประเทศอื่นในยูโรโซนจะมีน้อยกว่าที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปี 2010-2011 แต่ก็จะบั่นทอนช่วงขาขึ้นอย่างง่ายดาย ขณะเดียวกัน S&P ได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของยูโรโซนสู่ 1.6% ในปีนี้ และ 1.9% ในปีหน้า จากเดิมที่คาดการณ์ในเดือนมี.ค.ที่ 1.5% และ 1.7% ตามลำดับ จากความแข็งแกร่งของอุปสงค์จากผู้บริโภค

++++น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 2.51 ดอลลาร์ ปิดที่ 56.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดในรอบกว่า 2 เดือน ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.58 ดอลลาร์ ปิดที่ 62.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ รายงานคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่เพิ่มขึ้นผิดความคาดหมาย  จากข้อมูลพบว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 26 มิถุนายน เพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล เป็น 465.4 ล้านบาร์เรล ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของช่วงเวลานี้นับตั้งแต่จดบันทึกมา หลังจากก่อนหน้านี้ขยับลงมา 8 สัปดาห์ติด

+++ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพุธ(1ก.ค.) ปิดบวกตามตลาดทุนอื่นๆของยุโรป จากความหวังต่อข้อตกลงกับกรีซ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจอเมริกาเผยให้เห็นว่ามีการจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้นในเดือนมิถุนายน ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 138.40 จุด ปิดที่ 17,757.91

+++ส่วนราคาทองคำเมื่อวันพุธ(1ก.ค.) ขยับลงแรง แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 สัปดาห์ จากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และนักลงทุนเชื่อมั่นต่อความคืบหน้าในความพยายามแก้ไขวิกฤตหนี้กรีซ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 2.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,169.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์

+++เจ้าหน้าที่อาวุโสของกองทัพอียิปต์เปิดเผยว่ากลุ่มหัวรุนแรงไอเอสได้เปิดฉากโจมตีทหารอียิปต์เมื่อวันพุธที่ 1ก.ค.ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย36ศพส่วนใหญ่เป็นทหารและพลเรือนที่ประจำการอยู่ที่เมืองชีคซูเวียด ทางเหนือของคาบสมุทรไซนายแต่ตัวเลขของผู้เสียชีวิตอาจจะปรับสูงขึ้นกว่านี้ขณะเดียวกัน ทางฝ่ายกลุ่มไอเอสก็เสียชีวิตไป38ศพเช่นกันในระหว่างการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายจุดพร้อมกันบริเวณด่านตรวจพรมแดนของกำลังตำรวจและทหารของกองทัพอียิปต์เขตคาบสมุทรไซนายทั้งบุกล้อมสถานีตำรวจหลังโจมตีด่านตรวจชายแดน15จุดด้วยกันโดยใช้การโจมตีด้วยระเบิดในรถยนต์หรือ คาร์บอมบ์

++++หลายพื้นที่ของยุโรปต้องเผชิญกับอุณหภูมิร้อนระอุเหนือ 40 องศาเซลเซียส หลังจากคลื่นความร้อนเคลื่อนขึ้นเหนือมาถึงฝรั่งเศสและอังกฤษแล้ว    ก่อนหน้านี้ สเปนและโปตุเกส ต้องยกระดับเตือนภัยหลังจากอุณหภูมิพุ่งเหนือ 40 องศาเซลเซียสเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ โดยเฉพาะในเมืองคอร์โดบา อากาศร้อนระอุถึง 44 องศาเซลเซียส

       

สภาพอากาศร้อนจัดได้แผ่ปกคลุมมาถึงฝรั่งเศส อิตาลี เบลเยียมและเนเธอร์แลนด์

+++เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุตัวชายสูงวัยผู้ก่อเหตุจุดไฟเผาตัวตายบนรถไฟหัวกระสุนชิงกันเซง เครือข่ายรถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่นว่าคือนายฮารูโอะ ฮายาชิซากิวัย 71ปีซึ่งใช้ของเหลวคล้ายน้ำมันราดท่วมตัวแล้วจุดไฟเผาบนโบกี้สุดท้ายของขบวนรถไฟชิงกันเซ็งเมื่อวันอังคารทำให้ตัวเขาเสียชีวิตและยังมีผู้โดยสารอีกคนหนึ่งเป็นหญิงวัย 52ปีเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจหลังสูดควันพิษเข้าไป เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปตรวจค้นอพาร์ตเมนต์ที่พักของชายสูงวัยผู้นี้เพื่อหาหลักฐานแรงจูงใจของการก่อเหตุฆ่าตัวตายภาพข่าวทางโทรทัศน์แสดงให้เห็นว่าตำรวจหิ้วกล่องกระดาษที่ข้างในนั้นเป็นข้าวของที่ยึดเอาไว้ใช้เป็นหลักฐาน แต่ตำรวจยังไม่ได้ตั้งประเด็นอะไร สื่อมวลชนของญี่ปุ่นรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเพื่อนบ้านว่าผู้ตายมักจะบ่นให้ฟังว่าเงินบำนาญอันน้อยนิดที่เขาได้รับนั้นไม่พอใช้จ่าย

++++ด้านเจ้าหน้าที่ขนส่งของรัฐบาลญี่ปุ่นได้พบกับผู้ประกอบการรถไฟความเร็วสูงเพื่อหาทางเพิ่มการรักษาความปลอดภัยโดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการเดินรถไฟความเร็วสูงโดยนายอากิฮิโร โอตะรัฐมนตรีคมนาคมกล่าวในที่ประชุมว่าเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องเพิ่มการตรวจสัมภาระอันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการต่อต้านก่อการร้ายและป้องกันเหตุเพลิงไหม้ด้วย รถไฟชิงกันเซ็งมี16โบกี้เดินทางด้วยความเร็ว 553กิโลเมตรต่อชั่วโมงระหว่างโตเกียวกับโอซาก้าโดยใช้เวลาเพียง 2ชั่วโมง 33นาที

+++ประธานาธิบดีอินโดนีเซียให้สัญญา ว่าจะพิจารณายกเลิกการใช้ฝูงเครื่องบินทหารรุ่นเก่า  หลังเกิดเหตุเครื่องบินขนส่ง ซี-130 บี เฮอร์คิวลิส ที่ใช้งานมากว่า 50 ปีตกลงกลางชุมนุมชนบนเกาะสุมาตราเมื่อวันอังคาร  ทำให้มีผู้สังเวยชีวิตไปมากกว่า 140 ราย ขณะเดียวกัน ผู้บัญชาการทหารอากาศแดนอิเหนาประกาศสอบสวนกรณีที่สื่อรายงานว่า มีการแอบขายตั๋วให้ประชาชนทั่วไปโดยสารเครื่องบินทหารเครื่องบินขนส่งทหารลำดังกล่าวซึ่งเข้าประจำการมานานถึง 51 ปี ได้ตกลงกลางย่านที่อยู่อาศัยในเมืองเมดาน บนเกาะสุมาตรา ในวันอังคาร (30) หลังทะยานขึ้นจากสนามบินของฐานทัพอากาศในเมืองใหญ่อันดับ 3 ของอินโดนีเซียแห่งนี้ได้เพียง 2 นาที โดยผู้อยู่บนเครื่องบินทั้งสิ้น 122 คน ไม่มีใครรอดชีวิตเลย  มีผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้ว 135 ราย ซึ่งรวมถึงผู้ที่อยู่บนเครื่องทั้งหมด ทางด้านสถานีข่าวเมโทรทีวีรายงานว่า มีการนำร่างผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 141 รายส่งโรงพยาบาลใกล้ที่เกิดเหตุ ในจำนวนนี้มี 20 รายที่เสียชีวิตบนพื้นดิน ส่วนตัวเลขของตำรวจระบุที่ 142 ราย  ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ได้ทวิตในคืนวันอังคารว่า จะต้องมีการพิจารณาประเมินค่าพวกเครื่องบินและระบบด้านกลาโหมที่เก่าแก่ใช้งานมานานแล้ว

+++ นางจูลี แฮมป์ ผู้บริหารอาวุโสหญิงคนแรกของบริษัทรถยนต์ โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ในญี่ปุ่น ซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ได้แค่เพียง 2 เดือน ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งแล้ว หลังเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองญี่ปุ่นจับกุมในข้อหานำยาแก้ปวดประเภทออกซีโดน ซึ่งเป็นยาผิดกฎหมาย ในญี่ปุ่น เพราะมีส่วนผสมของยาเสพติด เพื่อบรรเทาอาการเจ็บหัวเข่าเท่านั้น  การจับกุมนางแฮมป์ ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงการคุมเข้มในเรื่องกฎหมายยาที่เข้มงวดมากในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวนางแฮมป์โดยไม่ได้รับการประกันตัวนานถึง 23 วัน และถ้าอัยการยื่นฟ้องและศาลตัดสินว่ากระทำผิดจริง นางแฮมป์จะต้องเผชิญหน้ากับการรับโทษจำคุกนานถึง 10 ปีเลยทีเดียว