*คลังมองปัญหาหนี้กรีซกระทบการเคลื่อนย้ายเงินทุน-ตลาดหุ้นระยะสั้นๆ*

หลังจากนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส ของกรีซ ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อหาทางออกจากภาระหนี้สาธารณะ ร่วมกับเจ้าหนี้ในนาม ทรอยกา ประกอบด้วยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( ไอเอ็มเอฟ )สหภาพยุโรป ( อียู ) และธนาคารกลางยุโรป ( อีซีบี ) โดยเจ้าหนี้ปฏิเสธการต่อเวลาเส้นตายการชำระหนี้งวดล่าสุด 1,600 ล้านยูโร ( ราว 60,960 ล้านบาท ) ออกไปจากวันที่ 30 มิ.ย. และอีซีบี ปฏิเสธขยายเพดานเงินกู้ในกองทุนช่วยเหลือสภาพคล่องฉุกเฉิน ( อีแอลเอ ) ให้กับธนาคารกลางของกรีซ ในส่วนของไทย นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังไม่ห่วงปัญหากรีซจะกระทบการค้าโดยตรง เพราะคาดว่าจะมีผลกระทบกับตลาดเงินและตลาดหุ้นของไทยเพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น ปัญหาการชำหนี้ของประเทศกรีซไม่กระทบกับเศรษฐกิจโดยรวมของไทย แต่จะกระทบกับการเคลื่อนย้ายเงินทุนบ้างเท่านั้น เนื่องจากหนี้ที่กรีซค้างอยู่ได้แปลงจากการเป็นหนี้ของประเทศเพื่อนบ้านในยุโรป เป็นหนี้ของไอเอ็มเอฟ และ อีซีบี หมดแล้ว นอกจากนี้ กรีซ ยังมีสัดส่วนทางเศรษฐกิจเพียงร้อยละ 2 ของเศรษฐกิจในประเทศยุโรปเท่านั้น และมีการค้าขายกับประเทศในสัดส่วนที่น้อยมาก

นายกฤษฎา กล่าวว่า ต้องรอดูว่ากรีซจะมีแผนการแก้ไขภายในประเทศอย่างไร ยอมรับว่าอาจกระทบการส่งออกในอียูบ้างเล็กน้อย และมองว่าปัญหาจะอยู่ในวงจำกัด แม้จะมีปัญหาการปิดธนาคารหลายแห่ง แต่เป็นการแก้ปัญหาในประเทศของกรีซเอง แม้จะเลือกออกจากอียูรัฐบาลกรีซจะต้องมีหลักประกันกับประชาชน และยอมรับว่าสกุลเงินจะมีราคาเท่าใด จึงมองว่าปัญหาจะไม่กระจายไปมาก เศรษฐกิจกรีซ พึ่งพาการท่องเที่ยวและระบบขนส่ง จึงคาดว่าปัญหาของกรีซอาจส่งผลต่อตลาดเงิน ตลาดทุนไม่มาก โดยเฉพาะค่าเงินบาทของไทย เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมาตรการรองรับไว้แล้ว ขณะที่ ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไม่น่าเป็นห่วงมากเช่นกัน