สหรัฐฯขึ้นบัญชีดำ 80 บริษัทจากจีน-ยูเออี-อิหร่าน สกัดการพัฒนา AI

26 มีนาคม 2568, 10:45น.


          นายโฮเวิร์ด ลัทนิค รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯได้ขึ้นบัญชีดำบริษัทเอกชนจากหลายประเทศ รวมทั้งประเทศจีน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และอิหร่าน หวังสกัดการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(AI) การพัฒนาความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ล้ำยุคของประเทศจีน พร้อมทั้งสกัดการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และโดรนของอิหร่าน ระบุว่า สหรัฐฯจะไม่ยอมให้ประเทศที่เป็นคู่ปรปักษ์ของสหรัฐฯใช้เทคโนโลยีอเมริกันมาใช้พัฒนาขีดความสามารถทางทหารในลักษณะที่อาจจะกระทบต่อความปลอดภัยต่อชีวิตของชาวอเมริกัน



          มาตรการนี้จะกระทบต่อ 80 บริษัทจากหลายประเทศ/ดินแดน เช่น จีน ไต้หวัน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE)และอิหร่าน หลังพบว่า เป้าหมายทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทดังกล่าว สวนทางกับนโยบายความมั่นคงแห่งชาติและการต่างประเทศของสหรัฐฯ พร้อมห้ามบริษัทสหรัฐฯส่งออกสินค้าและเทคโนโลยีให้กับบริษัทในบัญชีรายชื่อดังกล่าวโดยไม่ขออนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯก่อน



          สำหรับบริษัทที่ถูกขึ้นบัญชีดำ รวมถึง 11 บริษัทในจีน เช่น บริษัทปักกิ่ง อะคาเดมี ออฟ อาร์ติฟิเชียล อินเทลลิเจนซ์(Beijing Academy of Artificial Intelligence) ในเครือของบริษัทอินสเปอร์ กรุ๊ป(Inspur Group) ผู้ทำธุรกิจด้านประมวลผลแบบคลาวด์และเทคโนโลยี AI ชั้นนำของจีน และอีก 1 บริษัทในไต้หวัน ถูกกล่าวหาพัวพันกับการพัฒนา AI ล้ำสมัย ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ และชิป AI สมรรถนะสูงสำหรับผู้ใช้ในประเทศจีน อีกทั้งมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับโรงงานผลิตอาวุธและภาคอุตสาหกรรมของจีน ส่วนบริษัทอื่นๆ รวมถึงบริษัท 2 แห่งในอิร่านถูกขึ้นบัญชีดำเนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ โดรน หรือขีปนาวุธพิสัยไกลของอิหร่าน



          มีรายงานอ้างถึงข่าวกรองของสหรัฐ ระบุเมื่อวันอังคาร (25 มี.ค.) ว่า จีนเป็นภัยคุกคามทางทหารที่ครอบคลุมที่สุดต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ และตั้งเป้าที่จะแซงหน้าสหรัฐ ในฐานะผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ภายในปี 2573รายงานฉบับนี้ซึ่งเผยแพร่โดยหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ยังระบุว่าจีน อิหร่าน เกาหลีเหนือ และรัสเซีย เป็นรัฐสำคัญที่ท้าทายผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในหลายด้าน ตั้งแต่ความมั่นคงแห่งชาติ ไปจนถึงไซเบอร์ การค้า และเทคโนโลยี



          รายงานเตือนว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีน ซึ่งขับเคลื่อนโดยนโยบายของรัฐบาลโดยรวม และการครอบงำในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และการแปรรูปแร่ธาตุสำคัญที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เช่น แกลเลียมและเจอร์เมเนียม จะสร้างความท้าทายหลายประการให้กับสหรัฐฯ



          พร้อมกล่าวหา "จีนได้ขโมยข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญาหลายร้อยกิกะไบต์จากบริษัทในเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ เพื่อพยายามก้าวข้ามข้อจำกัดทางเทคโนโลยี" รายงานระบุ



          สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รายงานฉบับนี้ยังชี้ถึงการพัฒนาแสนยานุภาพทางทหารของจีนอย่างรวดเร็ว โดยระบุว่ากองทัพปลดปล่อยประชาชน "น่าจะมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องแต่ไม่สม่ำเสมอในแง่ขีดความสามารถที่จะเข้ายึดไต้หวัน และสกัดการแทรกแซงทางทหารของสหรัฐฯ



          นอกจากนี้ รายงานยังกล่าวถึงความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย โดยระบุว่า เกาหลีเหนือพึ่งพาจีนน้อยลง ขณะที่ความร่วมมือกับรัสเซียที่เพิ่มขึ้นช่วยสนับสนุนรัฐบาลของคิม จองอึน ทั้งในด้านการเงิน การทหาร และการทูต



 



#สหรัฐ



#คว่ำบาตร80บริษัท

ข่าวทั้งหมด

X