นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน. ร่วมแถลงทางระบบออนไลน์ หลังจากที่ไม่เคยร่วมแถลง กบน.แต่อย่างใด ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง รมว.พลังงาน เมื่อวัน 1 กันยายน 2566 ระบุว่าที่ประชุม กบน.วันนี้ (24 มี.ค.) ได้ประชุมเพื่อกำหนดแนวทางดูแลราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้สอดรับกับสถานการณ์ และความเหมาะสม โดยพิจารณาจากแนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับลดลง และสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เริ่มมีรายรับเพิ่มขึ้น ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้ปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลงสำหรับกลุ่มน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันลดลงรวม 1 บาทต่อลิตร ซึ่งการปรับลดราคาดังกล่าวจะดำเนินการเป็น 2 ระยะ ครั้งละ 50 สตางค์ต่อลิตร ได้แก่ ครั้งที่ 1 วันที่ 28 มีนาคม 2568 และครั้งที่ 2 วันที่ 4 เมษายน 2568 เพื่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อประชาชน โดยการที่ราคาลดลงได้ก็เพราะราคาตลาดโลกลดลง โดยหากราคาโลกลดลงอีก ราคาน้ำมันในไทยก็จะปรับลงอีก แต่หากราคาขยับขึ้นเพราะความเสี่ยงความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์และสงครามการค้า ก็ค่อยมาพิจารณาเรื่องการขยับราคาที่เหมาะสม
ส่วนของราคาแอลพีจีที่ตรึงไว้ที่ 423 บาท ต่อถัง 15 กก. จนถึงสิ้นเดือนมีนาคมนี้ ก็จะมีการต่ออายุในการตรึงราคาเพื่อช่วยเหลือประชาชนเช่นกัน รวมทั้งค่าไฟฟ้างวดใหม่ (พ.ค.-ส.ค.68) ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) รับฟังความเห็นระบุ อัตราต่ำสุดคือ 4.15 บาทต่อหน่วยนั้น ในขณะนี้ตนกำลังพิจารณาว่าจะต้องหาทางลดราคาเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ได้ นอกจากนี้ ร่างกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องก็มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง
สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) รายงานถึงสถานการณ์ และฐานะของกองทุนน้ำมันฯ ในช่วงต้นปี (มกราคม 2568 – วันที่ 23 มีนาคม 2568) พบว่า ฐานะกองทุนน้ำมันฯ มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยด้านราคาน้ำมันดิบดูไบช่วงที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 80 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายรับเฉลี่ยกว่า 8,000 ล้านบาท/เดือน ทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันฯ จากเดิมเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2568 กองทุนฯ ติดลบอยู่ที่ 75,945 ล้านบาท (บัญชีน้ำมันติดลบ 64,066 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 47,597 ล้านบาท) ปัจจุบันสถานะกองทุนน้ำมันฯ ปรับลดลงเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2568 เหลือติดลบ 60,052 ล้านบาท (บัญชีน้ำมันติดลบ 14,063 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 45,989 ล้านบาท)
#ลดราคาน้ำมัน