นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า กระทรวงดีอี ปิดกั้นโซเชียลมีเดีย เพจ และเว็บไซต์ URLs ที่มีความเกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อตัดวงจรช่องทางการซื้อ-ขาย และการลักลอบนำเข้า ตั้งแต่เดือน มีนาคม 2567 – 19 มีนาคม 2568 กระทรวงดีอี ได้ดำเนินการปิดกั้นโซเชียลมีเดีย เพจ และเว็บไซต์ URLs ที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า แล้ว 9,515 รายการ โดยแบ่งเป็นแพลตฟอร์ม X จำนวน 9,226 รายการ, เว็บไซต์ จำนวน 235 รายการ, Facebook จำนวน 28 รายการ, Instagram จำนวน 12 รายการ และ TikTok จำนวน 14 รายการ นอกจากนี้ยังดำเนินการปิดกั้นกลุ่ม Facebook ที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า แล้วจำนวน 120 กลุ่ม ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบโดยใช้ Social listening tool พบว่ามีจำนวนโพสต์ซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้า โดยเป็นโพสต์จากผู้ขาย จำนวน 285 โพสต์ และโพสต์จากผู้ซื้อ จำนวน 93 โพสต์
โดยจะตรวจสอบติดตามการซื้อ-ขายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านทางออนไลน์อย่างต่อเนื่อง และขอเตือนว่าบุหรี่ไฟฟ้าต่อผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและเยาวชน นอกจากนี้ยังมีความผิดตามกฎหมายอีกด้วย โดยผู้ใดขายหรือให้บริการบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาเติม มีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ ที่ 24/2567 และ การซื้อหรือครอบครอง มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับเป็นเงิน 4 เท่าของสินค้านั้น หรือทั้งจำทั้งปรับ และการนำเข้าของที่ไม่ผ่านพิธีการศุลกากร มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับเป็นเงิน 5 เท่าของสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ริบของนั้น ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 และการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่สาธารณะหรือเขตปลอดบุหรี่ ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท
...
#กระทรวงดีอี
#ปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า