การทำกิจกรรมเพื่อสังคมของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) นายสาธรวิศิษฏ์ นราวิสุทธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นายรัตนชัย นามวงศ์ รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้า และนายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการกิจการสังคม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานปลูกป่า กฟผ. ปี 2558 “ปั่นรักษ์โลก ปลูกป่าชายเลน ภายใต้โครงการปลูกป่า กฟผ.เฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ที่บ้านแหลมกรวด อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ โดยมีขบวนจักรยานของผู้เข้าร่วมกิจกรรมและชุมชนกระบี่ ปั่นเข้าไปยังพื้นที่ปลูกป่าชายเลนและร่วมมือร่วมใจกันปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าชายเลน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่าของจังหวัดกระบี่
นายสหรัฐ เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากชุมชนรอบโรงไฟฟ้ากระบี่ เพื่อฟื้นฟูป่าชายเลนที่มีสภาพเสื่อมโทรมให้คืนสู่ความอุดมสมบูรณ์ ทั้งยังเป็นแหล่งอนุบาลตัวอ่อนของสัตว์น้ำ ทำให้สัตว์น้ำมีปริมาณมากขึ้น ส่งผลต่อรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ชุมชน และที่สำคัญยังเป็นเสมือนเขื่อนและปราการทางธรรมชาติที่สำคัญให้กับชุมชนชายฝั่งทะเลในการป้องกันคลื่นลมจากทะเลได้เป็นอย่างดี ในปี 2557– 2558 กฟผ. ตั้งเป้าในการปลูกป่า ทั้งป่าบก ป่าชายเลน ให้ได้ 26,500 ไร่ โดยได้น้อมนำพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปฏิบัติใช้ และปลูกจิตสำนึกที่ดีแก่ประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ที่ว่า “ปลูกป่าในใจคน”ซึ่งหมายถึง การเสริมสร้างองค์ความรู้ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม รวมถึงการฟื้นฟูป่าชายเลนให้แก่ประชาชน อันเป็นหนทางที่จะคงรักษาทรัพยากรธรรมชาติไว้ได้อย่างยั่งยืน
ตลอดระยะเวลา 20 ปี ตั้งแต่ปี2537-2558 กฟผ. ได้ปลูกป่าไปแล้วกว่า 400,000 ไร่ โดยต้นไม้ที่ปลูกมีอัตราการรอดตายถึงร้อยละ 88 และจะดำเนินการปลูกต่อเนื่องเพิ่มขึ้นอีกปีละไม่น้อยกว่า 20,000 ไร่ โดยเริ่มในปี 2558 ซึ่งเป็นนโยบายต่อเนื่องไปอีก 10 ปี ข้างหน้า กฟผ. ไม่ได้เพียงแต่ปลูกป่าเท่านั้น แต่กิจกรรมในครั้งนี้ ยังสร้างการมีส่วนร่วม และปลูกจิตสำนึกให้กับประชาชนให้มีความรัก และผูกพันกับป่าไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นการปั่นจักรยานรณรงค์ร่วมกับชาวกระบี่ กิจกรรมบันเทิงบนเวทีการแสดงของชุมชนและการตอบคำถามชิงรางวัลที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งมีการออกร้านจำหน่ายผลผลิตจากทะเลของชุมชน ซึ่งการปลูกป่าชายเลนมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ความอุดมสมบูรณ์กลับคืน สัตว์น้ำมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น และนำมาสู่ชุมชนให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น