อิตาลีและสเปนยกระดับเตือนภัยก่อการร้าย หลังเกิดเหตุตัดศีรษะและระเบิดที่โรงงานก๊าซในฝรั่งเศส เหตุกราดยิงนักท่องเที่ยวบริเวณชายหาดโรงแรมของตูนิเซีย และเหตุระเบิดพลีชีพที่มัสยิดแห่งหนึ่งในคูเวต แต่นายแองเจลิโน อัลฟาโน รมว.กิจการภายในอิตาลี มิได้ระบุว่ายกระดับเตือนภัยไว้ที่ระดับใด ขณะที่นายจอร์เก เฟอร์นันเดซ ดิแอซ รมว.กิจการภายในสเปน ระบุว่า สเปนยกระดับเตือนภัยก่อการร้ายจากระดับกลางสู่ระดับสูง ซึ่งมีมูลเหตุปัจจัยส่วนหนึ่งเนื่องจากการครบรอบ 1 ปีกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส) สถาปนารัฐอิสลามที่ปกครองด้วยระบบคอลีฟะห์ในซีเรียและอิรักในวันจันทร์นี้ นอกจากนี้ บริษัท “แอร์โพรดักส์” ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานก๊าซของสหรัฐฯ ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ใกล้กับเมืองลียงของฝรั่งเศส ยังเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ตั้งโรงงานสาขาทั่วโลก เพื่อเป็นการเฝ้าระวังล่วงหน้า
ทั้งนี้ บริษัท “แอร์โพรดักส์” มีลูกจ้างกว่า 20,000 คนทั่วโลก ในกว่า 50 ประเทศ ขณะที่โฆษกรัฐบาลฝรั่งเศสกล่าวว่า เหตุโจมตีโรงงานก๊าซของสหรัฐฯ ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ใกล้กับเมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส ยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่ามีแรงจูงใจต้องการโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐฯ
ส่วนอัยการฝรั่งเศสระบุว่า อาจเป็นการก่อเหตุเพียงลำพัง และยังต้องสอบสวนเพิ่มเติมถึงสาเหตุและรูปแบบการสังหารเหยื่อ ทั้งนี้ รายงานเบื้องต้นพบว่า ผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นชายวัย 35 ปี มีรายชื่อเป็นบุคคลเฝ้าระวัง เนื่องจากมีความเชื่อมโยงกับมุสลิมหัวรุนแรงและกลุ่มซาลาฟี โดยในวันเกิดเหตุคาดว่าเป็นผู้ขับรถตู้เข้ามาในโรงงานเพื่อวางระเบิด ส่วนศพของผู้เสียชีวิตซึ่งถูกตัดศีรษะเป็นนายจ้างของผู้ต้องสงสัย ทั้งนี้ การตัดศีรษะเหยื่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศส ซึ่งรูปแบบการตัดศรีษะกลายเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มไอเอสในอิรักและซีเรีย
ขณะที่นายกรัฐมนตรีมานูเอล วัลส์ ของฝรั่งเศสระบุว่า ฝรั่งเศสกำลังเผชิญภัยคุกคามจากการก่อการร้ายของกลุ่มมุสลิมดังเช่นที่เคยเกิดเหตุกราดยิงสำนักงานนิตยสาร “ชาร์ลีเอ็บโด” เมื่อเดือนมกราคม
ทีมข่าวต่างประเทศ