สงครามการค้าดูเหมือนว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากแคนาดาและสหภาพยุโรป(อียู) ตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยการปรับขึ้นอัตราภาษีตอบโต้
ล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ในระหว่างการหารือกับนายมิเชล มาร์ติน นายกฯไอร์แลนด์ ที่ทำเนียบขาว ประธานาธิบดีทรัมป์ ยอมรับว่า ไม่พอใจกับนโยบายทางการค้าของอียู
ประธานาธิบดีทรัมป์ ให้คำมั่นว่าจะตอบโต้ด้วยการจัดเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมกับประเทศต่างๆทั่วโลก น่าจะเป็นเดือนหน้า
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้สงครามการค้าทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ตลาดการเงินสั่นคลอนท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจและผู้บริโภคในหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งสหรัฐฯด้วย
ในส่วนของแคนาดา ประกาศเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภาษีดังกล่าวจะครอบคลุมถึงเหล็กและอะลูมิเนียมที่นำเข้าจากสหรัฐ รวมทั้งคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์กีฬา และผลิตภัณฑ์เหล็กหล่อ จะมีผลบังคับใช้ในวันนี้ (13 มี.ค.68)
ขณะที่ อียู นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ในฐานะองค์กรฝ่ายบริหารของกลุ่ม EU ประกาศมาตรการตอบโต้ ด้วยการเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากสหรัฐฯในอัตราเท่ากัน รวมมูลค่า 26,000 ล้านยูโร เพื่อปกป้องผู้บริโภคและธุรกิจในกลุ่ม EU มาตรการของกลุ่มอียูจะแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ
-ระยะแรก เริ่มมีผลกับสินค้าบางกลุ่มตั้งแต่วันที่ 1เม.ย.68
-ระยะที่ 2 จะมีการปรับขึ้นสินค้าทุกกลุ่ม ตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย.68
#สงครามการค้า
แฟ้มภาพ