สำนักข่าวซีเอ็นเอ รายงานว่า นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน แถลงข่าวที่มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่งในวันนี้ (7 มี.ค.) นอกรอบการประชุมของ 2 สภาคือ สภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ(NPC) ซึ่งเป็นสภานิติบัญญัติแหงชาติจีน และคณะกรรมการแห่งชาติประจำสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งประชาชนจีน(CPPCC) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ปรึกษาทางการเมืองระดับสูงสุดของจีน ได้วิจารณ์รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯประกาศใช้มาตรการทางภาษีกับประเทศจีนอย่างไร้เหตุผล อีกทั้งเป็นพฤติกรรมที่ไร้ความรับผิดชอบของสหรัฐฯในฐานะมหาอำนาจของโลก
ในปัจจุบัน สหรัฐฯเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ร้อยละ 20 ขณะที่ ประเทศจีน ตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าประเภทอาหารและสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เช่น ไก่ ข้าวโพดและฝ้ายในอัตราร้อยละ 10-15 พร้อมทั้งห้าม 25 บริษัทสหรัฐฯส่งออกสินค้าหรือลงทุนในประเทศจีน ซึ่งนายหวังย้ำว่า ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-สหรัฐฯควรจะเป็นลักษณะที่เอื้อประโยชน์และเสมอภาคกัน ถ้าทั้งสองฝ่ายร่วมมือกัน จะเกิดผลดีและเกิดประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย (win-win)พร้อมเตือนว่าถ้าสหรัฐฯใช้วิธีกดดันจีนด้วยมาตรการภาษีเช่นนี้ ประเทศจีนจะตอบโต้สหรัฐฯอย่างแข็งขันเช่นเดียวกัน
นายหวัง ขอให้บรรดาชาติมหาอำนาจ ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศ และทำตามคำมั่นที่ให้ไว้ต่อประชาคมโลกให้บรรลุผลสำเร็จ ไม่ควรนึกถึงแต่ผลประโยชน์ส่วนตัว และไม่ควรใช้ความแข็งแรงหรืออิทธิพลต่างๆรังแกประเทศที่อ่อนแอกว่า โดยนายหวังแสดงความเห็นเรื่องนี้ หลังนักข่าวถามเรื่องการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศถอนตัวจากการเป็นสมาชิกองค์การระหว่างประเทศในสังกัดของสหประชาชาติ(UN) เช่น องค์การอนามัยโลก(WHO), คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ, อนุสัญญาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกรุงปารีส พร้อมทั้งหยุดให้เงินทุนสนับสนุนแก่หน่วยงานบรรเทาทุกข์และงานสำหรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์(UNRWA) จะมีผลทำให้ประเทศจีนเข้ามารับภาระหน้าที่ต่างๆมากขึ้น หรือกระทบระเบียบโลกในปัจจุบันหรือไม่
#จีนวิจารณ์สหรัฐ
#สงครามภาษี