'ทรัมป์'ชะลอเก็บภาษีสินค้าจากเม็กซิโก-แคนาดา เพิ่มจากมาตรการภาษียานยนต์ จนถึง 2 เม.ย.

            ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวานนี้(6 มี.ค.68)ให้ชะลอมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาไปถึงวันที่ 2 เม.ย.68นี้ แต่ไม่ได้ระบุรายงานสินค้า นอกเหนือจากการชะลอการใช้มาตรการภาษียานยนต์นายทรัมป์ โพสต์ข้อความทางสื่อออนไลน์ ทรูธ โซเชียลว่า การตัดสินใจเรื่องนี้มีขึ้นหลังการต่อสายโทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบอมของเม็กซิโก และเห็นพ้องกับผู้นำเม็กซิโกว่า เม็กซิโกไม่จำเป็นต้องเสียภาษีนำเข้าสินค้าให้กับสหรัฐฯ เนื่องจาก สินค้าส่วนใหญ่ได้รับการยกเว้นการเรียกเก็บภาษีนำเข้า ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี USMCA ที่ใช้บังคับมาตั้งแต่ยุคที่นายทรัมป์เข้ามาบริหารประเทศสมัยแรก พร้อมชื่นชมความร่วมมือในการสกัดกั้นผู้ลักลอบเข้าเมืองและการปราบปรามปัญหาลักลอบนำเข้ายาเสพติดรวมถึงเฟนทานิลไม่ให้เข้าสู่สหรัฐฯ

          ส่วนท่าทีจากแคนาดา นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของแคนาดา เปิดเผยว่า ภารกิจเร่งด่วนของแคนาดาคือ การเดินหน้าเจรจาให้สหรัฐฯยกเลิกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทั้งหมดจากแคนาดา ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวให้สัมภาษณ์กับสื่อเพิ่มเติมในประเด็นนี้ว่า สินค้าที่สหรัฐฯนำเข้าจากเม็กซิโกร้อยละ 50 และสินค้าที่สหรัฐฯนำเข้าจากแคนาดาร้อยละ 36 จะอยู่ภายใต้ข้อตกลงนี้

          ก่อนหน้านี้ นายทรัมป์ ประกาศมาตรการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกร้อยละ 25 มีผลบังคับใช้เมื่อวันอังคารที่ 4 มี.ค.68 และอีก 1 วันต่อมา นายทรัมป์ประกาศเมื่อวันพุธ(5 มี.ค.68)ให้ชะลอการใช้มาตรการภาษีเป็นเวลา 1 เดือนสำหรับยานยนต์บางส่วนที่ผลิตในอเมริกาเหนือ ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับในวันที่ 2 เม.ย.68 นี้ หวั่นกระทบจากอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐฯ ซึ่งยังต้องพึ่งพาการนำเข้าชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ส่วนใหญ่จากแคนาดาและเม็กซิโก หลังนายทรัมป์ ประชุมกับผู้บริหารจาก 3 ค่ายรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐฯคือ ฟอร์ด, เจเนอรัล มอเตอร์ส และสเตลแลนทิส

#รัฐบาลทรัมป์

#ชะลอแผนเก็บภาษีนำเข้า