*ศาลเลื่อนนัดตรวจพยานคดีแกนนำกปปส. ชุมนุม-บุกรุกสถานที่ราชการเป็น 2 ต.ค.*

26 มิถุนายน 2558, 11:50น.


ศาลอาญาได้นัดโจทก์และจำเลยมาตรวจพยานหลักฐาน  หลังพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 ที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนาย สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม นาย สกลธี ภัททิยกุล นาย สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ และนาย เสรี วงษ์มณฑา แกนนำกปปส.ในฐานะจำเลยที่ 1-4 ความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฎ,อั้งยี่,ซ่องโจร,มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปและใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ  ร่วมกปปส.ได้ร่วมกันชุมนุมและบุกรุกสถานที่ราชการหลายแห่งรวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้งเพื่อกดดันให้รัฐบาลในขณะนั้นซึ่งก็คือ รัฐบาลของนางสาว.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออก ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2558 โดยจำเลยทั้ง 4 เดินทางมาศาลตามนัด และใช้เวลา ตรวจพยานหลักฐานนานกว่า 2 ชั่วโมง



ศาลอนุญาตให้เลื่อนการนัดตรวจพยานหลักฐานออกไปอีกครั้ง เป็นนวันที่ 2 ตุลาคม 2558.เวลา 09.00น. หลังจำเลยที่สี่คือนายเสรี ให้การว่าคดีมีหลักฐานจำนวนมากทำให้ยังคัดสำนวนคดีที่มีกว่า 36 ลังไม่เสร็จสิ้น และยังวางแนวทางต่อสู้คดีไม่เสร็จ แต่กำชับว่า คดีเลื่อนมาหลายครั้งแล้ว ครั้งต่อไปให้เตรียมแนวทางการต่อสู้ ทั้งจำนวนพยานปากและพยานเอกสารให้ชัดเจน รวมทั้งต้องคัดคำร้องให้เสร็จเพื่อนำเสนอศาลในนัดหน้า  



ศาลไม่อนุญาตพิจารณาคดีลับหลังจำเลยที่สามคือนาย สมบัติ ตามคำร้องขอ ศาลพิเคราะห์ว่า อัตราโทษคดีนี้มีอัตราการจำคุกเกินกว่า 10 ปี และเป็นโทษสูง ศาลจึงไม่อนุญาตพิจารณาลับหลัง และกำชับให้เดินทางมาด้วยตัวเองทุกนัด และขณะนี้คดีเข้าสู่การฟ้องคดีของศาลแล้ว  ซึ่งจำเลยมีสิทธิต่อสู่ตามกระบวนการยุติธรรมได้ตามพยานหลักฐาน  นอกจากนั้น ศาลอนุญาตให้รวมคดีทั้ง 4 เป็นคดีเดียวทั้งหมด เพราะมีแนวทางเดียวกัน และให้ง่ายต่อการพิจารณาให้เร็วขึ้นด้วย



ด้านนายสมบัติกล่าวว่า คดีนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายและอัยการและกรมสอบสวนคดีพิเศษรับใช้การเมืองอยู่เบื้องหลัง โดยชี้ว่าการฟ้องของอัยการขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2550ในขณะนั้น จากการตรวจสอบคำร้องของฝ่ายโจทก์แล้วพบว่าไม่มีหลักฐานที่บอกได้ว่าตัวเองเป็นกบฎหรือบุกรุกสถานที่ราชการ มีเพียงการปราศรัยเท่านั้น เห็นว่าการเป็นยัดเยียดข้อหา พร้อมระบุว่าตัวเองเคยไปปราศรัยจริง แต่เพราะเป็นการเชิญมาจากทางกปปส. และปราศรัยให้ความรู้ด้วยความสงบตามสิทธิรัฐธรรมนูญ ไม่เคยกระทำการรุนแรงหรือด่าผู้ใด สำหรับแนวทางต่อสู้จะต่อสู้ตามข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าการฟ้องร้องของอัยการไม่เป็นธรรมและตัวเองไม่เคยบุกรุกสถานที่ราชการ ส่วนพยานปากยังไม่ได้ข้อสรุปว่ามีกี่ปาก



สำหรับ นาย เสรี กล่าวว่า จำเป็นที่จะต้องเลื่อนการตรวจพยานหลักฐาน เพราะเอกสารฝ่ายโจทก์มีมากกว่า36ลังและยังมีกลุ่มแกนนำกปปส.อีกเกือบ 50คนที่ศาลยังไม่ได้รับคำสั่งฟ้อง   ส่วนนายสวัสดิ์ เจริญผล.ทนายส่วนตัวของนาย เสรี กล่าวว่า คาดว่าจะมีพยานปากมากกว่า 30 ปาก โดยจำเลยที่ 1-4จะใช้พยานปากและพยานเอกสารร่วมกัน เนื่องจากคดีเป็นแนวทางเดียวกันโดยอาจมีพยานปากแตกต่างบางตามรายบุคคลที่ต้องการชี้ข้อเท็จจริง โดยขณะนี้กำลังจัดกลุ่มพยานปากเป็นกลุ่มต่างๆส่วนพยานเอกสารจะใช้ข้อมูลช่วงชุมนุมเป็นหลัก ยืนยันว่านายเสรี ลูกความตัวเองไม่มีความผิดโดยปฎิเสธทุกข้อหาและพร้อมสู้คดีถึงที่สุด โดยวันที่ 2 ตุลาคมจะเดินทางมาชี้แจงต่อศาลเพื่อกำหนดแนวทางการต่อสู้และระบุรายละเอียดยานปากและพยานเอกสารอีกครั้ง ส่วนคดีของพระสุเทพยังไม่มีการฟ้องร้อง่

ข่าวทั้งหมด

X