หุ้นดาวโจนส์ ฟิวเจอร์ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดร่วงลงกว่า 100 จุด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าของสหรัฐ ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ ลบ 137 จุด สู่ระดับ 43,110 จุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันเดินหน้าเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากจีน แคนาดาและเม็กซิโกตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค. โดยสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% และเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 20% นอกจากนี้ สหรัฐจะเริ่มใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับทุกประเทศที่เก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.
นักลงทุนยังกังวลต่อการกล่าวสุนทรพจน์ของปธน.ทรัมป์ต่อสภาคองเกรสสหรัฐในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นการกล่าวปราศรัยต่อสมาชิกรัฐสภาสหรัฐและชาวอเมริกันทั่วประเทศเป็นครั้งแรก หลังจากที่ปธน.ทรัมป์รับตำแหน่งประธานาธิบดีเพียง 6 สัปดาห์ หลังการสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค.แม้การกล่าวสุนทรพจน์ในครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการกล่าวแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะมีขึ้นสำหรับประธานาธิบดีสหรัฐที่ดำรงตำแหน่งเกินกว่า 1 ปี แต่การกล่าวปราศรัยในครั้งนี้ก็ถือว่ามีความสำคัญ และได้รับความสนใจไปทั่วโลก เนื่องจากจะบ่งชี้ถึงทิศทางการดำเนินนโยบายทางการเมืองและการค้าของปธน.ทรัมป์และถือเป็นโอกาสของปธน.ทรัมป์ในการกล่าวถึงความสำเร็จในช่วงเริ่มต้นของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของเขา ทั้งนี้ การกล่าวสุนทรพจน์ของปธน.ทรัมป์ต่อที่ประชุมร่วมวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในครั้งนี้มีกำหนดจัดขึ้นในคืนวันอังคารที่ 4 มี.ค. เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับเช้าวันพุธที่ 5 มี.ค. เวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย
ปธน.ทรัมป์โพสต์ข้อความใน Truth Social ระบุว่า "TOMORROW NIGHT WILL BE BIG. I WILL TELL IT LIKE IT IS!" หรือ "คืนพรุ่งนี้จะเป็นคืนที่ยิ่งใหญ่ ผมจะพูดตามสิ่งที่เกิดขึ้นจริง!" การแถลงดังกล่าวจะมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ต่อชาวอเมริกันทั่วประเทศ ขณะที่สำนักข่าว BBC จะออกอากาศสดไปทั่วโลก
มีการคาดการณ์ว่าปธน.ทรัมป์จะชูนโยบาย America First หรือ "อเมริกาต้องมาก่อน" ในการกล่าวสุนทรพจน์ในครั้งนี้ รวมทั้งประเด็นการเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้า, การยุติสงครามในยูเครน, การป้องกันคนลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย, ความพยายามของกระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล (DOGE) ในการปรับลดงบประมาณและปลดพนักงานของรัฐ, การยกเลิกโครงการด้านความแตกต่าง ความเท่าเทียม และความมีส่วนร่วม หรือ DEI ภายในองค์กรของรัฐบาลกลาง รวมทั้งการปรับลดอัตราภาษีเงินได้สำหรับภาคธุรกิจและชาวอเมริกัน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งกล่าวว่า "การกล่าวปราศรัยของท่านประธานาธิบดียังอาจมีเซอร์ไพรส์อีกหลายอย่าง""
#ทรัมป์แถลงสภาคองเกรส
#อเมริกันต้องมาก่อน